รีวิว SiteGround 2025 – เป็นเว็บโฮสต์ WordPress ที่ดีที่สุดจริงหรือเปล่า

1

โฮสต์เดียวทำได้ทุกอย่างหรือเปล่า

SiteGround มีแพลนโฮสติ้งที่น่าประทับใจให้เลือกหลายแบบ รวมถึงเครื่องมือ WordPress และ WooCommerce ลองดูว่านี่เป็นบริการที่เหมาะกับคุณหรือไม่

SiteGround เป็นบริษัทจากประเทศบัลแกเรียที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาในปีพ.ศ. 2557 และได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วโดยมีเว็บไซต์ที่ยังใช้งานอยู่มากกว่าหนึ่งล้านเว็บ ทางบริษัทมีเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับนักพัฒนาเว็บที่มากประสบการณ์แต่ก็เป็นบริการที่ใช้งานง่ายที่เหมาะกับผู้ที่ไม่เคยสร้างเว็บไซต์มาก่อนเลยเช่นกัน

SiteGround มีทุกอย่างตั้งแต่บริการโฮสต์แบบแชร์ (ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์) เพื่อจัดการเว็บไซต์ผ่าน WordPress และ WooCommerce รวมถึงบริการโฮสต์แบบคลาวด์​ เซิร์ฟเวอร์แบบ dedicated และโซลูชันสำหรับธุรกิจ ทางบริษัทมีศูนย์ข้อมูลอยู่ในห้าประเทศในสามทวีปทั่วโลก

มันอาจจะฟังดูเหมือนบริการที่เหมาะกับทุกคน แต่บริการเว็บโฮสต์ก็เหมือนกับเสื้อยืดที่ไม่ใช่ทุกคนจะใส่ไซส์เดียวกัน

คุณจะต้องหาโฮสต์ที่เหมาะกับyour ความต้องการของคุณในรีวิวนี้ผมจะอธิบายถึงคุณสมบัติของ SiteGround อย่างละเอียด รวมถึงความง่ายในการใช้งาน ประสิทธิภาพ และบริการลูกค้า มาดูกันว่าผู้ให้บริการหน้าใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณได้อย่างดีที่สุดหรือจะเป็นแค่การให้ความหวังลมๆแล้งๆเท่านั้น

คุณสมบัติด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพดีที่สุดเพราะคุณควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

SiteGround มีเครื่องมือที่น่าประทับใจที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ของคุณ และที่ดีไปกว่านั้นก็คือคุณไม่จำเป็นจะต้องมีประสบการณ์ในการสร้างเว็บไซต์ถึงจะใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้

หากการโฮสต์ติ้งแบบ WordPress ที่ไม่วุ่นวายเป็นสิ่งที่คุณต้องการ คุณจะรักการโฮสต์ผ่าน WordPress ของ SiteGround แพลนทุกแบบมาพร้อมกับการโฮสต์อีเมลแบบเต็มรูปแบบ ใบอนุญาต CloudFare CDN ฟรี การรองรับ HTTPS และ SSL certificate ฟรี รวมทั้งเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยอื่นๆ ที่เรากำลังจะพูดถึง

หากคุณไม่ชอบ WordPress หรือหากนี่เป็นการสร้างเว็บไซต์ครั้งแรกของคุณ SiteGround ก็มีบริการโฮสติ้งแบบแชร์ที่มาพร้อมกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ Weebly ผมเคยลองใช้แล้วและบอกได้เลยว่ามันสนุกมากและไม่เหมือนกำลังทำงานอยู่เลย (แต่ผมก็ am a ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว)

มาดูคุณสมบัติที่น่าสนใจของ SiteGround กัน

เซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง

ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือไม่คุณก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของเว็บไซต์ เพราะคุณคงไม่อยากให้ความบกพร่องด้านความปลอดภัยของคนอื่นลามมาถึงเซิร์ฟเวอร์ของคุณ เชื่อผมเถอะ

SiteGround มีเครื่องมือด้านความปลอดภัยมากมาย และคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดก็คือโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ LXC-Container ซึ่งหมายความว่าเซิร์ฟเวอร์โฮสต์ของคุณจะไม่รวมกับเซิร์ฟเวอร์ของคนอื่นๆ นอกจากนี้ผู้ใช้งานคนอื่นๆยังไม่สามารถใช้ทรัพยากรบนเซิร์ฟเวอร์ของคุณได้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์

SiteGround ยังมีหนึ่งในเครื่องมือตรวจสอบเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดอย่าง Guardian by 1H, ซึ่งจะสแกนเซิร์ฟเวอร์และแจ้งให้นักเทคนิคทราบหากมีอันตรายหรือปัญหาใดๆ

SG Optimizer

หากคุณเป็นผู้ใช้งาน WordPress ล่ะก็ปลั๊กอินอันนี้จะช่วยเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ WordPress ของ SiteGround ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์เท่านั้นแต่ยังทำให้การจัดการเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยสามารถติดตั้ง SSL ได้ภายในคลิกเดียวและมีตัวจัดการแบบ PHP

ปลั๊กอินนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมอื่น ๆ ที่ปกติแล้วมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้กำหนดค่า HTTPS สำหรับเว็บไซต์ของคุณ ทั้งหมดนี้ทำได้ภายในคลิกเดียว นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เพื่อล้างแคช ยกเว้น URL หรือเพิ่มประสิทธิภาพของรูปภาพและ CSS หรือ HTML ของคุณ

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้SuperCacherซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับ caching ที่หลากหลายที่สุดสำหรับ WordPress

SG Site Scanner

เครื่องมือนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เป็นของ SiteGround เอง ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีผู้ให้บริการเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่มี เครื่องมือนี้ดำเนินการโดย Sucuri โดยทำหน้าที่หลักเป็นระบบตรวจจับมัลแวร์ ที่จะสแกนหน้าเพจทุกๆหน้าที่เชื่อมโยงกับหน้าหลักของคุณเพื่อตรวจว่ามี URL ที่มีไวรัสหรืออยู่ในบัญชีดำหรือไม่

เมื่อ SG Site Scanner เจอปัญหาบนเว็บไซต์ของคุณมันจะเตือนคุณทันทีเพื่อให้คุณดำเนินการได้

และReallyเครื่องมือสำหรับผู้เชี่ยวชาญ

SiteGround มีเครื่องมือสำหรับผู้เชี่ยวชาญ เช่น one-click staging การสำรองข้อมูลและรีสโตร์แบบทำด้วยตนเองหรืออัตโนมัติ และ cPanel นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ที่คุณหาไม่ได้จากที่อื่น แต่โปรดทราบว่าBคุณจะต้องสมัครแพลนแบบ GoGeek ถึงจะได้คุณสมบัติเหล่านั้น

การโฮสติ้งของคุณจะมาในรูปแบบ SG-Git ที่ได้รับการติดตั้งมาล่วงหน้าแล้วซึ่งจะทำให้คุณสามารถเพิ่มเว็บไซต์เข้าไปในแหล่งเก็บข้อมูล Git ของคุณดังนั้นคุณสามารถดาวน์โหลดและปรับเปลี่ยนโค้ดของคุณได้จากทุกที่

นอกจากนี้คุณยังสามารถติดตั้งเว็บไซต์ e-commerce ด้วยการโฮสต์ติ้งที่เป็นไปตาม PCI ของ SiteGround

นอกจากนี้บัญชีสำหรับโฮสต์ทุกบัญชีมาพร้อมกับ WP-CLI ที่ได้รับการติดตั้งมาแล้วดังนั้นคุณสามารถจัดการเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้ผ่านอินเทอร์เฟซ command line

SiteGround ทำให้การจัดการด้านเทคนิคง่ายขึ้นเพื่อทำให้ผู้ใช้ทุกระดับสามารถใช้งานได้ง่ายๆและมีประสิทธิภาพ

SiteGround มีแดชบอร์ดเรียบง่ายที่ใช้งานง่ายที่มาพร้อมกับ cPanel ในตัว ถึงแม้ว่าจะอาจจะไม่ได้น่าประทับใจมากมายแต่มันก็สามารถทำหน้าที่ของมันได้ดี

SiteGround เริ่มต้นด้วยการมุ่งเน้นไปที่นักพัฒนาเว็บที่มีประสบการณ์ แต่ในปัจจุบันทางบริษัทพยายามสร้างบริการที่เหมาะกับผู้ใช้งานกว้างขึ้นและผมคิดว่าทางบริษัทก็ทำสำเร็จ อย่างไรก็ตามเครื่องมือต่างๆก็ไม่ได้ใช้งานง่ายขนาดนั้นและก็ไม่ได้มีความช่วยเหลือเยอะ แต่โดยรวมแล้วการโฮสต์ติ้งแบบมีการจัดการก็ใช้งานง่าย

การสร้างบัญชี

การสร้างบัญชีกับ SiteGround นั้ทำได้ง่ายแต่โปรดทราบว่าทางบริษัทจะเลือกแพลนแบบ 12 เดือนให้โดยอัตโนมัติ และก็มีบริการเสริมเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเลือกโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็คือ SG Site Scanner

กระบวนการสมัครใช้เวลาประมาณ 10 นาที และก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้เวลานานกว่านั้น คุณสามารถอ่านดูวิธีการสมัครได้ ที่นี่

การติดตั้ง Setup Wizard และCMS

เมื่อคุณเข้าสู่ระบบไปยังแดชบอร์ดของ SiteGround เป็นครั้งแรก สิ่งแรกที่คุณจะเห็นก็คือตัวเลือกในการติดตั้ง CMS (Content Management System) ที่คุณต้องการซึ่งสามารถทำได้ภายในคลิกเดียวและก็มีระบบ CMS ให้เลือกหลายแบบ

นอกจากตัวเลือกยอดนิยมอย่าง WordPress, Joomla, Drupal และ Weebly คุณยังสามารถเลือกแพลตฟอร์ม e-commerce อย่าง Magento, PrestaShop, ZenCart และอื่นๆ แต่โปรดทราบว่าบางแพลตฟอร์มอาจจะติดตั้งยาก

เชื่อมต่อ Domain และติดตั้ง WordPress

ตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวของ SiteGround ทำให้การติดตั้ง WordPress เป็นเรื่องง่าย

สำหรับการเชื่อมต่อโดเมน สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือการชี้ nameservers ไปที่ SiteGroundแต่ SSL certificate/HTTPS ของคุณจะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติดังนั้นคุณจะต้องเปิดใช้งานเอง

ตัวติดตั้งแบบคลิกเดียวและ CDN Setup Wizard ของ SiteGround ทำให้มือใหม่ใช้งานได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามถ้ามีคู่มือการใช้งานที่ดีกว่านี้ก็คงจะดี

มาดูกระบวนการตั้งค่าบัญชี SiteGround อย่างละเอียดกันได้ที่นี่

cPanel ในตัว

cPanel เป็นหนึ่งในเครื่องมือควบคุมการโฮสติ้งที่ดีที่สุดแต่ประสบการณ์ของผู้ใช้งานยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ข่าวดีก็คือเวอร์ชันของ SiteGroundใช้งานง่ายกว่าแม้ว่าคุณจะไม่เคยใช้ cPanel มาก่อนเลยก็ตาม

cPanel นี่อยู่บนแดชบอร์ดและ SiteGround ก็ได้เอาแอปที่ไม่จำเป็นออกไปทำให้มันดูเรียบง่ายสะอาดตา

CloudFlare ในตัว

CloudFlare เป็นบริการ CDN บุคคลที่สามและขึ้นชื่อว่าติดตั้งยาก

แต่ “SiteGround มาที่นี่เพื่อช่วยคุณ”

คุณจะพบว่า CloudFare รวมอยู่ในแดชบอร์ดของ SiteGround แล้วทำให้มันใช้งานได้ง่ายกว่าทั่วๆไป

คุณสามารถเปิดใช้งานบนเว็บไซต์ของคุณได้ภายในไม่กี่คลิกโดยไม่ต้องทำการตั้งค่า DNS นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกอัปเกรดใบอนุญาต CloudFlare เป็นแบบพรีเมียมได้จากหน้าจอเดียวกัน

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ: ช่วงเวลา Uptime ดีแต่ระยะเวลาในการโหลดน่าผิดหวัง

ใช่ SiteGround เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการไม่กี่รายที่มีเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ แต่มันดีพอหรือไม่?

SiteGround โฆษณาเกี่ยวกับ “เทคโนโลยีด้านความเร็วและช่วงเวลา Uptime” และก็รองรับคำกล่าวนั้นด้วยการรับประกันช่วงเวลา uptime 99.99%

ผมไม่เคยเชื่อคำพูดของผู้ให้บริการเว็บโฮสต์ ผมชอบทดสอบด้วยตัวองมากกว่า (ผมทราบดีว่าผมเป็นพวกบ้าเทคโนโลยี)

ผมใช้ตัววัดความเร็วในการโหลดหน้าเพจของ Sucuri เพื่อทดสอบเว็บไซต์ WordPress ของผม นี่ไม่ใช่แค่เว็บไซต์ WordPress เก่าๆธรรมดาๆ แต่ผมได้ลองติดตั้งปลั๊กอินขนาดใหญ่ๆ อย่าง WooCommerce และ Jetpack และก็ใช้เทมเพลตที่มีมัลติมีเดีย นอกจากนั้นยังมี CloudFare CDN ผมเลือกศูนย์ข้อมูลในชิคาโก้

ต้องยอมรับเลยว่าผมผิดหวังกับผลลัพธ์

เพราะคุณคงเห็นแล้วว่า SiteGround ได้รับคะแนนแแค่ C จากการทดสอบของ Sucuri เท่านั้น ส่วนเวลาในการโหลดหน้าเพจก็ถือว่าดีในสหรัฐฯ แต่ถ้าคุณอยู่ไกลออกไปมันก็จะยิ่งช้าลง แม้แต่การโหลดจากนิวยอร์คก็ใช้เวลามากกว่าหนึ่งวินาที และในประเทศอย่างอินเดียและบราซิล เวลาที่ใช้ในการโหลดนั้นก็ช้าเกินจนเสียผู้เข้าชมไปได้หลายคนเลย

ถึงแม้ว่าเว็บไซต์ SiteGround จะมีปลั๊กอินขนาดใหญ่ แต่ถ้าเทียบกับโฮสต์อื่นๆแล้ว SiteGround ถือว่าช้า

หากคุณเป็นผู้ใช้งาน WordPress และจะสมัครใช้งาน SiteGround การยกเลิกการติดตั้งปลั๊กอินที่คุณไม่ต้องการก็อาจจะช่วย นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ SuperCacher เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่อาจจะใช้เวลานาน

อย่างไรก็ตาม SiteGround ก็ถือว่ามีช่วงเวลา uptime ที่ดี โดยแหล่งข้อมูลออนไลน์หลายๆแห่งมีข้อมูลว่าช่วงเวลา uptime อยู่ที่ 100% สำหรับเดือนส่วนใหญ่และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 99.99% สำหรับช่วงเวลานากว่า ระหว่างที่ผมใช้ SiteGround ผมไม่เคยเจอ downtime เลย

ดังนั้นหากช่วงเวลา uptime ของเว็บไซต์สำคัญและคุณต้องการให้เว็บไซต์ใช้งานได้อยู่เสมอและสำคัญมากกว่าระยะเวลาที่ใช้ในการโหลด SiteGround อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ

ฝ่ายบริการลูกค้าตอบรวดเร็วอย่างกับจรวด

เราจะต้องการอะไรอีกนอกจากการตอบอย่างรวดเร็วจากพนักงานบริการสนับสนุนที่มีความรู้เป็นอย่างดี?

คุณสมบัติที่ดีที่สุดของ SiteGround อาจจะไม่เกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์หรือซอฟต์แวร์เลย ในความคิดของผม แชทสดที่ยอดเยี่ยมนั้นทำให้ผู้ให้บริการรายนี้แตกต่างจากโฮสต์อื่นๆ

ไม่ว่าคุณจะติดต่อผ่านช่องทางไหนคุณก็จะได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ทางบริษัทบอกว่าพวกเขารับโทรศัพท์และตอบคำถามผ่านแชทสดทันทีและก็จะตอบคำถามผ่านระบบตั๋วภายใน 10 นาที จากประสบการณ์ตรงของผม นี่เป็นเรื่องจริง

และผมบอกได้เลยว่าพนักงานฝ่ายบริการสนับสนุนของ SiteGround นั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาบริษัทที่ผมเคยติดต่อมา พวกเขาตอบคำถามอย่างรวดเร็วและไม่ว่าคำถามนั้นจะมีความซับซ้อนทางเทคนิคมากแค่ไหน คำถามของคุณก็จะไม่ถูกส่งต่อไปยังพนักงานคนอื่นๆ เพราะทุกคนมีความรู้เพียงพอที่จะตอบได้

มีบริการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ผมเคยเห็นแชทสดหยุดทำงานแค่ครั้งเดียวซึ่งกินเวลาเพียง 10 นาที

บริการสนับสนุนผ่านแชทสด

คำถามแรกที่ผมถามคือระหว่างการสมัครใช้งานเพราะผมไม่สามารถยืนยันข้อมูลการชำระเงินได้เนื่องจากมีปัญหาด้านสกุลเงินต่างประเทศจึงต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุนเพื่อยืนยันบัญชีถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ทันได้สมัครสมาชิกแต่ก็ได้รับคำตอบมาทันที

ปัญหาแบบนี้มักจะใช้เวลาในการแก้นาน แต่พนักงานฝ่ายบริการที่ชื่อ Radostin นั้นช่วยผมทีละขั้นตอนโดยเขาไม่ทิ้งให้ผมรอเป็นเวลานานเลยและเขาก็คอยสอบถามให้แน่ใจว่าผมทำตามขั้นตอนแต่ละขั้นได้ก่อนที่จะไปยังขั้นตอนต่อไป

และตอนที่ผมไม่แน่ใจว่าจะตั้งค่า SSL หรือ CDN certificate ก่อน Radostin ก็ช่วยผมในทันที ไม่เพียงแค่ตอบคำถามเท่านั้น แต่ เขายังเสนอตัวช่วยตั้งค่า CDN และ SSL certificate ให้ผม ผมรับข้อเสนอในการติดตั้ง SSL certificate ของเขาและติดตั้ง CDN ด้วยตัวเอง

ถึงแม้ว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลานาน 30 นาทีแต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดี เขาพยายามทำให้แน่ใจว่าผมเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นและผมก็ไม่ต้องรอคำตอบนานๆเลย

การสนับสนุนผ่านอีเมล

SiteGround ไม่ทำให้คุณผิดหวังในด้านการบริการสนับสนุนผ่านอีเมลและระบบตั๋ว ผมได้รับคำตอบภายในห้านาที และในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆนั้นพนักงานก็ได้ทำการทดสอบเว็บไซต์ของผมด้วยเครื่องมือทดสอบระยะเวลาในการโหลดและแนะนำวิธีการที่ผมควรทำ

นี่ไม่ใช่แค่ความประทับใจในครั้งแรก เพราะอีเมลอื่นๆที่ผมส่งไปก็ได้รับคำตอบมาอย่างรวดเร็วและนี่คือการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม

อย่างเดียวที่ผมคิดว่ามันน่ารำคาญเล็กน้อยก็คือการที่คุณจะต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นก่อนที่จะติดต่อฝ่ายบริการได้ โดยคุณจะต้องถามคำถามให้แคบลงตามประเภท จากนั้นเมื่อคุณพิมพ์คำถามของคุณลงไป คุณก็จะพบกับลิงก์ไปยังบทความสนับสนุน และเมื่อถึงตอนนั้นคุณถึงจะสามารถเปิดตั๋วหรือเริ่มต้นแชทสดได้ กระบวนการนี้อาจจะน่าเบื่อแต่จากประสบการณ์ของผมผมว่าสุดท้ายมันก็คุ้มค่า

โฮสติ้งราคาไม่แพง – ที่มีข้อเสียหนึ่งถึงสองข้อ

SiteGround มีราคาเริ่มต้นไม่แพงและสิ่งที่คุณได้รับก็คุ้มค่า แต่คุณจะต้องระวังราคาต่ออายุ

เว็บโฮสติ้งของ SiteGround หรือการโฮสติ้งของ WordPress Hosting และการโฮสติ้งของ WooCommerce Hosting มีแพ็คเกจพื้นฐานที่เหมือนกันในราคาเดียวกัน ถึงแม้ว่าราคาจะดูไม่แพงแต่โปรดทราบว่าราคาพิเศษนี้เป็นราคาสำหรับการโฮสติ้งครั้งแรกเท่านั้น หลังจากนั้นราคาจะเพิ่มขึ้นเยอะ

อีกอย่างที่ควรทราบก็คือหากคุณต้องการจ่ายค่าบริการรายเดือนแทนที่จะเป็นรายปี คุณจะต้องจ่ายค่าตั้งค่า

สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือแพลนทั้งหมดของ SiteGround ไม่มีโดเมนฟรี แต่หากคุณต้องการจะย้ายเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้วไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ข่าวดีก็คือทางบริษัทจะจ่ายค่าโดเมนและการรักษาความเป็นส่วนตัวของโดเมนให้น่าเสียดายที่คุณไม่ได้รับประโยชน์ข้อนี้หากคุณสร้างเว็บไซต์ใหม่

แน่นอนมีตัวเลือกที่ถูกกว่า แต่แพลนแบบ StartUp ของ SiteGround ก็ยังถือว่าถูก อย่างไรก็ตามผมคิดว่าแพลนแบบ GrowBig และ GoGeek นั้นแพงไปหน่อยถ้าเทียบกับคู่แข่ง โดยเฉพาะการที่แพลนของ SiteGround ไม่ใช่การโฮสต์แบบไม่จำกัด

ด้วยแพลนการโฮสติ้งของ InMotionที่มีชื่อว่า WP-4000S ที่มีราคาเท่ากันนั้น คุณจะได้รับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากกว่าห้าเท่า จำนวนผู้ใช้งานมากกว่าสามเท่า และคุณสมบัติอื่นๆที่เหมือนกัน

ดังนั้นหากคุณมีเว็บไซต์หลายเว็บหรือคุณเป็นนักขายเว็บไซต์SiteGround เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะคุณสามารถโฮสต์เว็บไซต์กี่เว็บก็ได้

การยกเลิกและขอรับเงินคืน

คุณจะชอบการที่คุณสามารถทดลองใช้บริการโฮสติ้งของ SiteGround ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงด้วยบริการรับประกันความพึงพอใจคืนเงินภายใน 30 วัน นี่เป็นนโยบายพื้นฐานแต่ทางบริษัทก็คืนค่าตั้งค่าด้วยถ้าคุณเลือกสมัครแบบรายเดือน

แต่สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับนโยบายการคืนของ SiteGround ก็คือการที่คุณสามารถยกเลิกบัญชีและรับเงินคืนได้โดยไม่ต้องคุยกับฝ่ายบริการลูกค้าเลย คุณแค่ต้องทำตามขั้นตอนทีละขั้นผ่าน wizard สำหรับยกเลิก ซึ่งสะดวกมากโดยเฉพาะหากคุณคิดว่าการต้องคุยกับพนักงานเพื่อยกเลิกเป็นเรื่องน่าอึดอัด

ดูวิธีการยกเลิกบัญชี SiteGround และรับเงินคืน คลิกที่นี่
แบบทีละขั้นตอนพร้อมภาพหน้าจอ