มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ บวกกับฟีเจอร์พิเศษระดับมือโปรอันน่าประทับใจ
Omnisend เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อพูดถึงฟีเจอร์การตลาดผ่านอีเมลเป็นหลัก ทางบริการครอบคลุมปัจจัยพื้นฐานทั้งหมด – ทั้งแบบฟอร์มลงทะเบียน ตัวเลือกการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ และการจัดการรายการอย่างง่าย การทดสอบ A/B เวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นได้ และโปรแกรมแก้ไขอีเมลแบบลากและวางสำหรับการสร้างแคมเปญ
สิ่งที่มองข้ามไปอย่างหนึ่งคือหน้าแลนดิ้งเพจ – หรืออย่างน้อยก็มีหน้าแลนดิ้งเพจที่ให้มากกว่าแค่แบบฟอร์มลงทะเบียน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังคงเลือกใช้บริการทำการตลาดผ่านอีเมลพร้อมตัวเลือกเทมเพลตแคมเปญที่ดีกว่านี้
แต่โดยรวมแล้ว พบว่าเครื่องมือต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ง่ายและใช้งานได้ง่ายเช่นกัน
แคมเปญอีเมล เทมเพลต และการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ
ตัวแก้ไขอีเมลของ Omnisend ได้รับการอัปเดตและปรับปรุงอยู่เสมอ ดังนั้นคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับแต่งเป็นประจำ
โดยรวมแล้ว พบว่าตัวแก้ไขอีเมลใช้งานได้ง่าย และมีตัวเลือกการปรับแต่งให้เลือกมากมาย หน้าต่างใช้งานอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิคพิเศษใดๆก็สามารถเริ่มออกแบบอีเมลได้เลยทันที หากคุณสามารถใช้เมาส์ได้ คุณก็สามารถสร้างอีเมลแคมเปญใน Omnisend ได้
นอกจากนี้ยังมีเทมเพลตที่มีธีมให้เลือกมากมายเพื่อช่วยคุณในการเริ่มต้นออกแบบ เทมเพลตทั้งหลายเต็มไปด้วยบล็อคเนื้อหาที่วางไว้เป็นที่เป็นทาง แต่คุณสามารถลากและย้ายองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งเพิ่มสไตล์และรูปแบบสีเพิ่มเติม อีกทางหนึ่งคือมีตัวเลือกอีเมลข้อความธรรมดาหากคุณต้องการเทมเพลตที่เรียบง่ายมากยิ่งขึ้น
เทมเพลตแต่ละแบบออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อช่วยคุณสร้างอีเมล 1
ตัวแก้ไขอีเมลนั้นใช้งานง่ายมาก คุณสามารถตั้งค่า “ Global style” ของคุณเองได้ ซึ่งการตั้งค่าจะเปลี่ยนรูปแบบของอีเมลทั้งหมด นอกจากนี้คุณสามารถเพิ่มส่วนต่างๆ ย้ายส่วนเหล่านั้นไปรอบๆ ด้วยการคลิกปุ่ม สามารถเปลี่ยนระยะห่างระหว่างคอลัมน์ได้อย่างง่ายดาย คลิกเล่นกับระยะห่างต่างๆ เพิ่มข้อความลงในรูปภาพ และสามารถเปลี่ยนสไตล์ของปุ่ม รูปร่าง และสีได้หมด
เนื่องจากการมุ่งเน้นแค่อีคอมเมิร์ซของทาง Omnisend ทำให้มีตัวเลือกกล่องเนื้อหาในการปรับแต่งมากกว่าที่คุณได้รับจากบริการการตลาดผ่านอีเมลอื่นๆส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของเฉพาะร้านค้า เช่น รายการสินค้า เครื่องมือเลือกสินค้า ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มสินค้าไปยังอีเมลของคุณได้โดยตรงจากร้านค้าออนไลน์ของคุณ และบล็อคแก้ไขเพื่อใส่ส่วนลดให้คุณส่งรหัสที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติสำหรับ Shopify และ Bigcommerce
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Omnisend คือเครื่องมือที่เชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าของคุณ เครื่องมือเลือกผลิตภัณฑ์จะนำเข้ารายการสินค้าไปยังอีเมลของคุณโดยตรง
Omnisend ไม่มีคลังภาพสต็อกให้ ดังนั้นคุณจะต้องจัดหาแหล่งที่มาของรูปและอัปโหลดภาพของคุณเอง แต่สิ่งที่บริการมีคือฟีเจอร์การแก้ไขภาพที่น่าประทับใจมากมายหลายฟีเจอร์
คุณยังสามารถเพิ่มเนื้อหาส่วนบุคคล (เช่น ชื่อ อายุ หรือสถานที่) ในหัวเรื่อง เนื้อหาในอีเมล และบล็อกเนื้อหาต่างๆ (เช่น ชื่อหัวข้อต่างๆ คำอธิบาย ลิงก์ หรือข้อความปุ่ม เป็นต้น) การกำหนดค่าส่วนบุคคลแบบไดนามิก (หรือแบบมีเงื่อนไข) ยังหมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าอีเมลเพื่อให้เนื้อหาบางอย่างปรากฏหรือไม่ปรากฏขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้รับและ/หรือการดำเนินการบางอย่างที่พวกเขาทำ
โปรดทราบว่าบริการนี้ไม่เหมือนกับบริการอื่นๆ เนื้อหาไดนามิกสามารถตั้งค่าได้แค่เป็นเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติเท่านั้น (อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้านล่าง)
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องดีที่ทางบริการมีให้ แต่ Omnisend ยังให้คุณใช้รายละเอียดข้อมูลของบริษัทหรือร้านค้าของคุณเองได้ ซึ่งแสดงอยู่ภายใต้ตัวเลือก ‘บัญชี’ หากคุณเปิดร้านค้าหลายแห่งในสถานที่แตกต่างกัน หรือขายในประเทศต่าง ๆหลายประเทศ ความสามารถในการใส่รายละเอียดร้านค้าในแต่ละพื้นที่หรือในแต่ละสกุลเงินทั้งหมดจะช่วยให้อีเมลของคุณมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น
หากคุณลงชื่อสมัครใช้แผนราคาปกติหรือแผนราคาโปร คุณยังสามารถปรับแต่งคำแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อให้คำแนะนำต่างๆ ปรากฏต่อแต่ละคนแตกต่างกัน
บริการ Omnisend มีตัวเลือกแคมเปญมากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างแคมเปญอีเมลที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย และส่งไปยังกลุ่มผู้ติดต่อต่างๆ พร้อมกัน สิ่งนี้เรียกว่าการทดสอบแยก A/B และวิธีการที่ว่านี้ก็คือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอีเมลทั้งสองก่อนฉบับที่แตกต่างกันก่อนที่จะเปิดตัวแคมเปญเต็มรูปแบบ
ในปัจจุบัน Omnisend ให้คุณทดสอบแยก A/B ในหัวเรื่องที่แตกต่างกันหรือประเภทผู้ส่งที่แตกต่างกันเท่านั้น ในส่วนของการเปรียบเทียบเนื้อหาของอีเมลนั้นยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ
สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือฟีเจอร์ Campaign Booster ของ Omnisend ซึ่งขอให้คุณระบุหัวเรื่องสองบรรทัดเมื่อคุณตั้งค่าแคมเปญของคุณ นี่เป็นวิธีคิดที่ชาญฉลาดที่จะให้คุณลองนึกภาพสองภาพในการโน้มน้าวให้ผู้ติดต่อเปิดอีเมลของคุณ อีเมลใดๆ จากการส่งครั้งแรกที่ไม่ได้เปิดภายใน 48 ชั่วโมงจะกระตุ้นการส่งซ้ำโดยอัตโนมัติโดยใช้หัวเรื่องที่สอง
สุดท้ายแล้ว อยากจะบอกว่ามีตัวเลือกในการโพสต์แคมเปญบนหน้า Facebook ของคุณโดยอัตโนมัติหากคุณมีหน้าเพจ Facebook และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังร้าน Amazon ของคุณ แต่ที่น่าแปลกที่ในคือไม่มีวิธีใดที่จะใช้แคมเปญเดียวกันนี้ข้ามอีเมลซึ่งกันและกัน, ใน SMS และการแจ้งเตือนแบบพุช
รายชื่อผู้รับอีเมลต่างๆและการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ
สิ่งแรกที่คุณต้องทำทุกครั้งที่คุณสมัครใช้บริการการตลาดผ่านอีเมลใหม่คือการนำเข้าผู้ติดต่อที่คุณมีอยู่แล้ว ดีใจที่เห็น Omnisend รองรับการนำเข้าโดยตรงจากไฟล์สเปรดชีต (เช่น ไฟล์ .xlsx Excel)
เพื่อให้ได้ผล ได้ลองทำการลากและวางไฟล์ Excel ลงในตัวช่วยการนำเข้า Omnisend และพบปัญหาเล็กน้อยเพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ต้อง ‘แจกแจง’ ประเภทคุณสมบัติ (ชื่อ นามสกุล และอื่นๆ) ด้วยตนเอง พนันได้เลยว่าสิ่งนี้อาจค่อนข้างน่าเบื่อถ้าคุณมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน 50 รายการในรายการของคุณ
Omnisend แสดงผู้ติดต่อที่ได้สมัครรับจดหมายข่าวของคุณหรือไม่สมัครใน ‘ช่องแสดงสถานะ’
ก่อนที่ผู้ติดต่อรายใหม่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายการของคุณ คุณต้องแจ้งกับพวกเขาว่าพวกเขาได้ทำการสมัครรับการติดต่อสื่อสารทางการตลาดจากคุณ นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัว
สิ่งหนึ่งที่ Omnisend ไม่ทำให้คุณคือการบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อใหม่ลงในรายการที่แยกเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากบริการการตลาดผ่านอีเมลบางรายการ โชคดีที่ Omnisend มีเครื่องมือสำหรับจัดการรายการเดี่ยวๆที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของคุณในรูปแบบของแท็กและการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ
โดยแท็กสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพียงแค่คลิกที่ผู้ติดต่อ ไปที่แท็ก และสร้างหมวดหมู่ใหม่ ข้อดีของสิ่งนี้คือมีความยืดหยุ่นสูง ทำได้รวดเร็วมาก และคุณสามารถสร้างกลุ่มต่างๆ อะไรก็ได้มากเท่าที่คุณต้องการ
ส่วนของการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อนั้นทำงานแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งสองอย่างนี้ใช้ข้อมูลสองประเภทที่เชื่อมโยงกับผู้ติดต่อแต่ละราย – ทั้งรายละเอียดส่วนบุคคลที่แสดงเมื่อมีการเพิ่มหรือลงทะเบียน และข้อมูลพฤติกรรมเกี่ยวกับวิธีการโต้ตอบหรือตอบสนองต่อแคมเปญของคุณ
เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ การแบ่งกลุ่มรายการผู้ติดต่อแบบปลายเปิดและรายละเอียดของ Omnisend ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายแคมเปญได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
คุณสามารถเพิ่มตัวกรองได้ไม่จำกัดในการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ โดยเลือกจากคุณสมบัติผู้ติดต่อสูงสุด 50 รายการ และข้อมูลพฤติกรรมที่หลากหลาย ซึ่งความเป็นไปได้นั้นไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม มีการจำกัดจำนวนการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อที่ใช้งานได้ในรายการ – ใช้ได้จำนวนห้าการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อใน แผนใช้งานฟรี ใช้งานได้ 20 การแบ่งกลุ่มสำหรับแผนราคาพื้นฐานและจำกัดที่จำนวน 200 การแบ่งกลุ่มสำหรับแผนราคาโปร
บริการ Omnisend ยกระดับการจัดการรายการของคุณไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์การลงลึกรายละเอียดแยกย่อยของลูกค้า ฟีเจอร์นี้ใช้ข้อมูลจากร้านค้าที่คุณเชื่อมต่อโดยอิงตามข้อมูลของการแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้า ซึ่งทำให้ผู้คนอยู่ในหมวดหมู่ต่างๆ ตามข้อมูลของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับธุรกิจของคุณ
การแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้าทำได้ดีกว่าการให้คะแนนการมีส่วนร่วมแบบธรรมดา เพราะเป็นการพัฒนา ทฤษฎีที่ว่าคุณควรสามารถย้ายลูกค้าจากระดับต่ำไปสู่ระดับสูงเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการกระทำที่ถูกต้อง
ส่วนตัวแล้วชอบที่การลงลึกแยกย่อยรายละเอียดลูกค้าที่เข้าถึงได้ทำให้แนวคิดที่ซับซ้อนมากของการแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้า – คิดว่าใครๆ ก็สามารถนำกลวิธีที่แนะนำนี้ไปใช้จริงได้ แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็ตาม
การแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้าเป็นแนวคิดทางการตลาดขั้นสูง แต่การลงลึกแยกย่อยรายละเอียดของลูกค้าของ Omnisend เปิดโอกาสให้ทุกคนนำไปปฏิบัติได้จริง
อีกฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งก็คือแท็บ ข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งแสดงรายการการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อที่แนะนำซึ่งคุณน่าจะต้องการใช้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง เช่น สมาชิกที่ติดตามรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่มีส่วนร่วมหรือผู้ติดต่อที่ใช้งานมากที่สุดของคุณ
ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าคือการทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ส่งอีเมลถึงผู้ที่ตัดสินใจยกเลิกการสมัครรับข้อมูลข่าวสารไปแล้ว Omnisend ไม่มีสิ่งที่บริการอื่นๆมี สิ่งที่เรียกว่า ‘รายการระงับ’ ซึ่งเป็นรายการที่ระงับผู้ติดต่อที่ยกเลิกการสมัครรับอีเมลไปแล้วโดยอัปเดตอัตโนมัติ แต่คุณสามารถสร้างการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อและย้ายผู้ติดต่อที่ยกเลิกสมัครรับอีเมลและไม่ได้สมัครรับอีเมลด้วยวิธีนี้
แทนที่ด้วยการที่ Omnisend จะตั้งค่าสถานะตรง ‘ช่องสถานะ ‘ ของผู้ติดต่อโดยใช้ระบบสัญญาณไฟจราจร – แสดงสีเขียวหากพวกเขาสมัครรับอีเมลแคมเปญการตลาด สีเหลืองหากพวกเขา ‘ ไม่ได้สมัคร‘ ซึ่งรวมถึงลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าเลือกที่จะรับเอกสารทางการตลาดจากคุณ และสีแดงหากพวกเขาเลือกที่จะยกเลิกการสมัครหรือตั้งค่าสถานะอีเมลของคุณว่าเป็นสแปม
อาจจำเป็นต้องตรวจสอบกับฝ่ายช่วยเหลือในเรื่องนี้อีกที แต่ทางบริการ Omnisend บล็อกแคมเปญของคุณโดยอัตโนมัติไม่ให้ส่งถึงใครเลย ยกเว้นผู้ติดต่อสีเขียว
แลนดิ้งเพจและฟอร์มกรอกข้อมูลต่างๆ
‘หน้าแลนดิ้งเพจ’ คือหน้าเว็บที่สร้างขึ้นสำหรับแคมเปญการตลาดเพื่อเป็นปลายทางสำหรับลูกค้าและ ‘เป็นจุดหมาย’ เมื่อพวกเขาคลิกลิงก์ผ่านจากอีเมล ผ่านโฆษณา PPC ผ่านโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่นๆ
น่าเสียดายที่หน้าแลนดิ้งนั้นหาได้ไม่ง่ายนักใน Omnisend ปรากฎว่าหน้าแลนดิ้งเพจนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวเลือกฟอร์มกรอกข้อมูล จริงๆด้วย
หากคุณกำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เป็นเรื่องปกติที่จะสร้างหน้าแลนดิ้งเพจเฉพาะสำหรับแต่ละแคมเปญ ซึ่งผู้ติดต่อจะคลิกลิงก์ผ่านมายังหน้าแลนดิ้งเพจเมื่อพวกเขาได้รับอีเมลของคุณ
ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้โปรโมชั่นพิเศษที่ผู้เยี่ยมชมไซต์ปกติของคุณไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ติดตาม Conversion สำหรับแคมเปญของคุณได้ง่ายขึ้น (เช่น ติดตามจำนวนยอดขายที่มาจากหน้าแลนดิ้งเพจนั้นๆ)
อย่างไรก็ตาม แอบรู้สึกผิดหวังที่พบว่าตัวเลือกหน้าแลนดิ้งเพจใน Omnisend ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆที่เล่าให้ฟังนี้ได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางบริการพลาดประเด็นนี้อย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Omnisend เชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าของคุณโดยค่าเริ่มต้น และมีเครื่องมือสำหรับการนำเข้ารายการสินค้าโดยตรงไปยังแคมเปญอีเมล
มันก็ควรที่จะมีหน้าแลนดิ้งของสินค้าแบบแยกใครของมันเพื่อเชื่อมโยงไปยังแคมเปญการขายนั้นหรือเปล่า?
พบว่าตัวเลือกหน้าแลนดิ้งเพจใน Omnisend นั้นน่าผิดหวัง เพราะสิ่งที่คุณทำได้คือแค่สร้างแบบฟอร์มลงทะเบียนอย่างเดียวเท่านั้น
สำหรับแบบฟอร์มลงทะเบียนจริง คุณมีตัวเลือกป๊อปอัปหรือตัวเลือกแบบฝัง ซึ่งทั้งสองแบบใช้เทมเพลตเดียวกันทั้งหกเทมเพลต เช่นเดียวกัน เทมเพลตต่างๆใช้งานได้ดีกว่าการแสดงผลที่น่าประทับใจ โดยมีตัวเลือกการปรับแต่งที่ค่อนข้างจำกัด
ระบบการทำงานอัตโนมัติ
บอกตามตรงเลยว่า หากการทำการตลาดผ่านอีเมลได้ผลสำหรับธุรกิจของคุณ คุณต้องการให้จำนวนรายชื่อผู้ติดต่อของคุณเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากเมื่อเป็นเช่นนั้น คุณอาจพบว่าคุณไม่มีเวลาทำทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว นั่นคือสิ่งที่ระบบทำงานอัตโนมัติเข้ามาช่วย
การทำการตลาดผ่านอีเมลอัตโนมัติช่วยให้คุณตั้งค่าให้การส่งอีเมลโดยอัตโนมัติไปยังผู้ติดต่อเมื่อมีพฤติกรรมบางอย่างเกิดขึ้น ลองนึกถึงอีเมลต้อนรับสำหรับสมาชิกใหม่ทั้งหมด น่าลำบากใจที่จะต้องคอยส่งอีเมลหาทีละคน! ระบบอัตโนมัติจึงทำงานให้คุณแทน
น่าประทับใจกับตัวเลือกการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend ซึ่งการอ่านคำว่า “การสร้างเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติ” อาจทำให้คุณรู้สึกหดหู่ใจ ไม่ต้องกังวลไปเลย เพราะมันทำได้ง่ายกว่าที่คิดมาก
เช่นเดียวกับบริการทำการตลาดผ่านอีเมลชั้นนำมากมายในปัจจุบัน ระบบทำงานอัตโนมัติของ Omnisend ได้รับการจัดการจากตัวแก้ไขเวิร์กโฟลว์แบบรูปภาพ โดยทั่วไปเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติจะทำงานจากการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ – ถ้า X เกิดขึ้นจากนั้น Y จะเกิดขึ้น และหากไม่เป็นเช่นนั้น Z จะเกิดขึ้น
ถ้าฟังแล้วยังดูซับซ้อนเกินไป Omnisend ยังมีเทมเพลตเวิร์กโฟลว์ที่สร้างไว้แล้วล่วงหน้าซึ่งคุณสามารถใช้ได้ตามแบบที่มีหรือปรับแต่งตามที่คุณต้องการได้ ซึ่งทางบริการมีเทมเพลตเวิร์กโฟลว์ทั้งหมด 33 แบบ
เทมเพลตเวิร์กโฟลว์ถูกจัดระเบียบตามประเภทกิจกรรม แต่ส่วนตัวแล้วก็ชอบที่คุณสามารถค้นหาประเภทต่างๆตามเป้าหมายธุรกิจ
สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับฟีเจอร์ระบบการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend คือมีให้บริการในทุกแผนราคา แม้กระทั่งแผนใช้งานฟรี สิ่งนี้ทำให้บริการสู้ได้กับ Sendinblue ได้ที่เป็นบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่ขึ้นชื่อในเรื่อง แผนใช้งานฟรีที่ใจกว้าง ให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ที่สำคัญมากมาย
แบบที่คุณคาดหวังได้จากบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่เน้นหนักไปเฉพาะทางอีคอมเมิร์ซ โดยตัวเลือกระบบการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend นั้นแข็งแกร่งมากเมื่อพูดถึงสถานการณ์ที่เน้นการขายโดยเฉพาะ
แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่เรียกว่าเวิร์กโฟลว์ ‘อันฟุ่มเฟือย’ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (การต้อนรับสมาชิกใหม่ การส่งข้อความพิเศษถึงพวกเขาในวันเกิด) ส่วนใหญ่แล้วเกี่ยวข้องกับธุรกิจ – ตัวอย่างเช่น การติดต่อผู้คนที่ได้ละทิ้งรถเข็นเพื่อดูว่าคุณสามารถล่อให้พวกเขากลับมาซื้อได้หรือไม่
เวิร์กโฟลว์บางส่วนมีความชาญฉลาดเป็นพิเศษและแสดงความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดทางอีเมลในบริบทของการค้าปลีก
ดังนั้น นอกจากการส่งอีเมลติดตามผลเพื่อพยายามขายอย่างอื่นต่อให้แก่ลูกค้าหลังจากที่ซื้อสินค้าไปแล้ว คุณยังสามารถตั้งค่าระบบทำงานอัตโนมัติสำหรับการทดสอบแยก A/B เพื่อทดลองการหน่วงเวลาที่แตกต่างกันก่อนที่คุณจะล่อขายอย่างต่อเนื่องนั้น – ลูกค้าส่วนใหญ่มักได้ผลหลังจากหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์?
คุณยังสามารถเพิ่มคำแนะนำผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลโดยอ้างอิงจากประวัติการซื้อของพวกเขา
ชอบความจริงที่ว่ามีความช่วยเหลือในหน้านี้มากมายในขณะที่สร้างการทำงานเวิร์กโฟลว์ต่างๆ
แพลตฟอร์มการทำการตลาดผ่านอีเมลบางแพลตฟอร์มให้คุณสามารถจัดการรายการบางส่วนได้โดยอัตโนมัติจากภายในตัวสร้างเวิร์กโฟลว์ เช่น การเปลี่ยนคุณสมบัติผู้ติดต่อ (โดยเฉพาะคะแนนการมีส่วนร่วมที่เปลี่ยนแปลงตามการมีส่วนร่วมกับอีเมล) หรือการใช้/เปลี่ยนการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ ทางบริการ Omnisend ไม่มีการทำงานเหล่านี้ แต่อนุญาตให้คุณเพิ่มแท็กในรายชื่อผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น หากผู้ติดต่อไม่ตอบสนองเมื่อคุณพยายามให้พวกเขาไปซื้อสินค้าในรถเข็นที่ถูกไว้ คุณสามารถแท็กพวกเขาได้ ซึ่งมีผลเพิ่มรายชื่อของพวกเขาลงในรายการกลุ่มเดียวกัน และคุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างกลุ่มรายชื่อหรับแคมเปญในอนาคต
กระบวนการนี้ไม่ได้ราบรื่นเท่ากับการสร้างการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติหรือเปลี่ยนคะแนนการมีส่วนร่วมภายในเวิร์กโฟลว์ ซึ่งก็มีตัวเลือกใช้งานให้อยู่