พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ของเรากับผู้ให้บริการด้วย หน้านี้มีลิงก์ affiliate การเปิดเผยข้อมูลการโฆษณา

รีวิว Omnisend – อ่านรีวิวนี้ก่อนสมัครใช้งาน [2024]

พอล นิวแฮม ถูกเขียนขึ้นโดย: พอล นิวแฮม

Omnisend มีฟีเจอร์ที่คุณต้องการจากบริการทำการตลาดผ่านอีเมลในราคาที่น่าดึงดูดและด้วยการออกแบบที่ใช้งานง่าย จับ? คุณต้องมีร้านค้าอีคอมเมิร์ซเพื่อใช้งาน หากคุณเปิดร้านค้าบนเว็บและต้องการกระตุ้นยอดขายผ่านการตลาดทางอีเมล Omnisend ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่น่าพิจารณา หากคุณไม่สนใจบริการนี้ ลองดูรายชื่อบริการทำการตลาดผ่านอีเมลชั้นนำของเราฉบับปี 2024

โดยรวม

💯แพลนแบบฟรีใช่
💲ราคาเริ่มต้น$16.00
📄จำนวนเทมเพลต33
⚙️ระบบอัตโนมัติใช่
💬บริการไลฟ์แชทไม่
แชร์ ตัวแทนจำหนาย ส่วนตัว คลาวด์ WordPress

Omnisend เป็นบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่ดีที่สุดสำหรับการโปรโมตเว็บสโตร์หรือไม่?

Omnisend มีข้อเสนอการทำการตลาดทางอีเมลที่ไม่เหมือนใคร: เป็นบริการสำหรับเจ้าของร้านค้าบนเว็บไซต์เท่านั้น คุณจำเป็นต้องมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซเพื่อใช้งานบริการนี้

Omnisend ค่อนข้างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยทางบริการมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณผ่านการตลาดทางอีเมล ส่วนตัวแล้วไม่เคยใช้บริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่เน้นแค่อีคอมเมิร์ซมาก่อน เลยอยากรู้ว่าบริการนี้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาหรือไม่

หากคุณไม่ได้มองหาวิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์ของร้านค้าผ่านการตลาดผ่านอีเมล คุณก็ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน – Omnisend ไม่ใช่บริการสำหรับคุณ คุณสามารถค้นหาทางเลือกมากมายในลิสต์รายการบริการทำการตลาดผ่านอีเมล 10 อันดับแรกฉบับปี 2024

แต่ถ้าคุณมีร้านอีคอมเมิร์ซและชอบบริการที่เน้นเฉพาะทางไปเลย ลองอ่านรีวิวต่อไปดู เราได้ทำการทดสอบ Omnisend ช่วงทดลองฟรี 14 วัน ซึ่งสามารถเข้าถึงการใช้งานทุกฟีเจอร์ได้ทั้งหมด และรีวิวนี้คือประสบการณ์ที่ได้รับ

5.0

คุณสมบัติ

มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ บวกกับฟีเจอร์พิเศษระดับมือโปรอันน่าประทับใจ

Omnisend เป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อพูดถึงฟีเจอร์การตลาดผ่านอีเมลเป็นหลัก ทางบริการครอบคลุมปัจจัยพื้นฐานทั้งหมด – ทั้งแบบฟอร์มลงทะเบียน ตัวเลือกการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ และการจัดการรายการอย่างง่าย การทดสอบ A/B เวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นได้ และโปรแกรมแก้ไขอีเมลแบบลากและวางสำหรับการสร้างแคมเปญ

สิ่งที่มองข้ามไปอย่างหนึ่งคือหน้าแลนดิ้งเพจ – หรืออย่างน้อยก็มีหน้าแลนดิ้งเพจที่ให้มากกว่าแค่แบบฟอร์มลงทะเบียน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังคงเลือกใช้บริการทำการตลาดผ่านอีเมลพร้อมตัวเลือกเทมเพลตแคมเปญที่ดีกว่านี้

แต่โดยรวมแล้ว พบว่าเครื่องมือต่างๆ สามารถเข้าถึงได้ง่ายและใช้งานได้ง่ายเช่นกัน

แคมเปญอีเมล เทมเพลต และการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ

ตัวแก้ไขอีเมลของ Omnisend ได้รับการอัปเดตและปรับปรุงอยู่เสมอ ดังนั้นคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงและปรับแต่งเป็นประจำ

โดยรวมแล้ว พบว่าตัวแก้ไขอีเมลใช้งานได้ง่าย และมีตัวเลือกการปรับแต่งให้เลือกมากมาย หน้าต่างใช้งานอินเทอร์เฟซแบบลากและวางที่คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิคพิเศษใดๆก็สามารถเริ่มออกแบบอีเมลได้เลยทันที หากคุณสามารถใช้เมาส์ได้ คุณก็สามารถสร้างอีเมลแคมเปญใน Omnisend ได้

นอกจากนี้ยังมีเทมเพลตที่มีธีมให้เลือกมากมายเพื่อช่วยคุณในการเริ่มต้นออกแบบ เทมเพลตทั้งหลายเต็มไปด้วยบล็อคเนื้อหาที่วางไว้เป็นที่เป็นทาง แต่คุณสามารถลากและย้ายองค์ประกอบต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งเพิ่มสไตล์และรูปแบบสีเพิ่มเติม อีกทางหนึ่งคือมีตัวเลือกอีเมลข้อความธรรมดาหากคุณต้องการเทมเพลตที่เรียบง่ายมากยิ่งขึ้น

Omnisend email templates
เทมเพลตแต่ละแบบออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อช่วยคุณสร้างอีเมล
1

ตัวแก้ไขอีเมลนั้นใช้งานง่ายมาก คุณสามารถตั้งค่า Global style” ของคุณเองได้ ซึ่งการตั้งค่าจะเปลี่ยนรูปแบบของอีเมลทั้งหมด นอกจากนี้คุณสามารถเพิ่มส่วนต่างๆ ย้ายส่วนเหล่านั้นไปรอบๆ ด้วยการคลิกปุ่ม สามารถเปลี่ยนระยะห่างระหว่างคอลัมน์ได้อย่างง่ายดาย คลิกเล่นกับระยะห่างต่างๆ เพิ่มข้อความลงในรูปภาพ และสามารถเปลี่ยนสไตล์ของปุ่ม รูปร่าง และสีได้หมด

เนื่องจากการมุ่งเน้นแค่อีคอมเมิร์ซของทาง Omnisend ทำให้มีตัวเลือกกล่องเนื้อหาในการปรับแต่งมากกว่าที่คุณได้รับจากบริการการตลาดผ่านอีเมลอื่นๆส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของเฉพาะร้านค้า เช่น รายการสินค้า เครื่องมือเลือกสินค้า ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มสินค้าไปยังอีเมลของคุณได้โดยตรงจากร้านค้าออนไลน์ของคุณ และบล็อคแก้ไขเพื่อใส่ส่วนลดให้คุณส่งรหัสที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติสำหรับ Shopify และ Bigcommerce

Omnisend's Product Picker tool
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Omnisend คือเครื่องมือที่เชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าของคุณ เครื่องมือเลือกผลิตภัณฑ์จะนำเข้ารายการสินค้าไปยังอีเมลของคุณโดยตรง

Omnisend ไม่มีคลังภาพสต็อกให้ ดังนั้นคุณจะต้องจัดหาแหล่งที่มาของรูปและอัปโหลดภาพของคุณเอง แต่สิ่งที่บริการมีคือฟีเจอร์การแก้ไขภาพที่น่าประทับใจมากมายหลายฟีเจอร์

คุณยังสามารถเพิ่มเนื้อหาส่วนบุคคล (เช่น ชื่อ อายุ หรือสถานที่) ในหัวเรื่อง เนื้อหาในอีเมล และบล็อกเนื้อหาต่างๆ (เช่น ชื่อหัวข้อต่างๆ คำอธิบาย ลิงก์ หรือข้อความปุ่ม เป็นต้น) การกำหนดค่าส่วนบุคคลแบบไดนามิก (หรือแบบมีเงื่อนไข) ยังหมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าอีเมลเพื่อให้เนื้อหาบางอย่างปรากฏหรือไม่ปรากฏขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้รับและ/หรือการดำเนินการบางอย่างที่พวกเขาทำ

โปรดทราบว่าบริการนี้ไม่เหมือนกับบริการอื่นๆ เนื้อหาไดนามิกสามารถตั้งค่าได้แค่เป็นเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติเท่านั้น (อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ด้านล่าง)

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องดีที่ทางบริการมีให้ แต่ Omnisend ยังให้คุณใช้รายละเอียดข้อมูลของบริษัทหรือร้านค้าของคุณเองได้ ซึ่งแสดงอยู่ภายใต้ตัวเลือก ‘บัญชี’ หากคุณเปิดร้านค้าหลายแห่งในสถานที่แตกต่างกัน หรือขายในประเทศต่าง ๆหลายประเทศ ความสามารถในการใส่รายละเอียดร้านค้าในแต่ละพื้นที่หรือในแต่ละสกุลเงินทั้งหมดจะช่วยให้อีเมลของคุณมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น

หากคุณลงชื่อสมัครใช้แผนราคาปกติหรือแผนราคาโปร คุณยังสามารถปรับแต่งคำแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อให้คำแนะนำต่างๆ ปรากฏต่อแต่ละคนแตกต่างกัน

บริการ Omnisend มีตัวเลือกแคมเปญมากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างแคมเปญอีเมลที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย และส่งไปยังกลุ่มผู้ติดต่อต่างๆ พร้อมกัน สิ่งนี้เรียกว่าการทดสอบแยก A/B และวิธีการที่ว่านี้ก็คือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอีเมลทั้งสองก่อนฉบับที่แตกต่างกันก่อนที่จะเปิดตัวแคมเปญเต็มรูปแบบ

Omnisend email campaign types
ในปัจจุบัน Omnisend ให้คุณทดสอบแยก A/B ในหัวเรื่องที่แตกต่างกันหรือประเภทผู้ส่งที่แตกต่างกันเท่านั้น ในส่วนของการเปรียบเทียบเนื้อหาของอีเมลนั้นยังอยู่ในระหว่างการทดสอบ

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือฟีเจอร์ Campaign Booster ของ Omnisend ซึ่งขอให้คุณระบุหัวเรื่องสองบรรทัดเมื่อคุณตั้งค่าแคมเปญของคุณ นี่เป็นวิธีคิดที่ชาญฉลาดที่จะให้คุณลองนึกภาพสองภาพในการโน้มน้าวให้ผู้ติดต่อเปิดอีเมลของคุณ อีเมลใดๆ จากการส่งครั้งแรกที่ไม่ได้เปิดภายใน 48 ชั่วโมงจะกระตุ้นการส่งซ้ำโดยอัตโนมัติโดยใช้หัวเรื่องที่สอง

สุดท้ายแล้ว อยากจะบอกว่ามีตัวเลือกในการโพสต์แคมเปญบนหน้า Facebook ของคุณโดยอัตโนมัติหากคุณมีหน้าเพจ Facebook และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังร้าน Amazon ของคุณ แต่ที่น่าแปลกที่ในคือไม่มีวิธีใดที่จะใช้แคมเปญเดียวกันนี้ข้ามอีเมลซึ่งกันและกัน, ใน SMS และการแจ้งเตือนแบบพุช

รายชื่อผู้รับอีเมลต่างๆและการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ

สิ่งแรกที่คุณต้องทำทุกครั้งที่คุณสมัครใช้บริการการตลาดผ่านอีเมลใหม่คือการนำเข้าผู้ติดต่อที่คุณมีอยู่แล้ว ดีใจที่เห็น Omnisend รองรับการนำเข้าโดยตรงจากไฟล์สเปรดชีต (เช่น ไฟล์ .xlsx Excel)

เพื่อให้ได้ผล ได้ลองทำการลากและวางไฟล์ Excel ลงในตัวช่วยการนำเข้า Omnisend และพบปัญหาเล็กน้อยเพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ต้อง ‘แจกแจง’ ประเภทคุณสมบัติ (ชื่อ นามสกุล และอื่นๆ) ด้วยตนเอง พนันได้เลยว่าสิ่งนี้อาจค่อนข้างน่าเบื่อถ้าคุณมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน 50 รายการในรายการของคุณ

Omnisend's contact subscription options
Omnisend แสดงผู้ติดต่อที่ได้สมัครรับจดหมายข่าวของคุณหรือไม่สมัครใน ‘ช่องแสดงสถานะ’

ก่อนที่ผู้ติดต่อรายใหม่จะได้รับการยืนยันว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายการของคุณ คุณต้องแจ้งกับพวกเขาว่าพวกเขาได้ทำการสมัครรับการติดต่อสื่อสารทางการตลาดจากคุณ นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัว

สิ่งหนึ่งที่ Omnisend ไม่ทำให้คุณคือการบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อใหม่ลงในรายการที่แยกเฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากบริการการตลาดผ่านอีเมลบางรายการ โชคดีที่ Omnisend มีเครื่องมือสำหรับจัดการรายการเดี่ยวๆที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของคุณในรูปแบบของแท็กและการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ

โดยแท็กสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพียงแค่คลิกที่ผู้ติดต่อ ไปที่แท็ก และสร้างหมวดหมู่ใหม่ ข้อดีของสิ่งนี้คือมีความยืดหยุ่นสูง ทำได้รวดเร็วมาก และคุณสามารถสร้างกลุ่มต่างๆ อะไรก็ได้มากเท่าที่คุณต้องการ

ส่วนของการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อนั้นทำงานแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งสองอย่างนี้ใช้ข้อมูลสองประเภทที่เชื่อมโยงกับผู้ติดต่อแต่ละราย – ทั้งรายละเอียดส่วนบุคคลที่แสดงเมื่อมีการเพิ่มหรือลงทะเบียน และข้อมูลพฤติกรรมเกี่ยวกับวิธีการโต้ตอบหรือตอบสนองต่อแคมเปญของคุณ

Omnisend list segmentation options
เช่นเดียวกับการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ การแบ่งกลุ่มรายการผู้ติดต่อแบบปลายเปิดและรายละเอียดของ Omnisend ช่วยให้คุณกำหนดเป้าหมายแคมเปญได้อย่างแม่นยำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

คุณสามารถเพิ่มตัวกรองได้ไม่จำกัดในการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ โดยเลือกจากคุณสมบัติผู้ติดต่อสูงสุด 50 รายการ และข้อมูลพฤติกรรมที่หลากหลาย ซึ่งความเป็นไปได้นั้นไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม มีการจำกัดจำนวนการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อที่ใช้งานได้ในรายการ ใช้ได้จำนวนห้าการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อใน แผนใช้งานฟรี ใช้งานได้ 20 การแบ่งกลุ่มสำหรับแผนราคาพื้นฐานและจำกัดที่จำนวน 200 การแบ่งกลุ่มสำหรับแผนราคาโปร

บริการ Omnisend ยกระดับการจัดการรายการของคุณไปอีกขั้นด้วยฟีเจอร์การลงลึกรายละเอียดแยกย่อยของลูกค้า ฟีเจอร์นี้ใช้ข้อมูลจากร้านค้าที่คุณเชื่อมต่อโดยอิงตามข้อมูลของการแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้า ซึ่งทำให้ผู้คนอยู่ในหมวดหมู่ต่างๆ ตามข้อมูลของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับธุรกิจของคุณ

การแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้าทำได้ดีกว่าการให้คะแนนการมีส่วนร่วมแบบธรรมดา เพราะเป็นการพัฒนา ทฤษฎีที่ว่าคุณควรสามารถย้ายลูกค้าจากระดับต่ำไปสู่ระดับสูงเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการกระทำที่ถูกต้อง

ส่วนตัวแล้วชอบที่การลงลึกแยกย่อยรายละเอียดลูกค้าที่เข้าถึงได้ทำให้แนวคิดที่ซับซ้อนมากของการแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้า – คิดว่าใครๆ ก็สามารถนำกลวิธีที่แนะนำนี้ไปใช้จริงได้ แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็ตาม

Omisend customer lifecycle options
การแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้าเป็นแนวคิดทางการตลาดขั้นสูง แต่การลงลึกแยกย่อยรายละเอียดของลูกค้าของ Omnisend เปิดโอกาสให้ทุกคนนำไปปฏิบัติได้จริง

อีกฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งก็คือแท็บ ข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งแสดงรายการการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อที่แนะนำซึ่งคุณน่าจะต้องการใช้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง เช่น สมาชิกที่ติดตามรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่มีส่วนร่วมหรือผู้ติดต่อที่ใช้งานมากที่สุดของคุณ

ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าคือการทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ส่งอีเมลถึงผู้ที่ตัดสินใจยกเลิกการสมัครรับข้อมูลข่าวสารไปแล้ว Omnisend ไม่มีสิ่งที่บริการอื่นๆมี สิ่งที่เรียกว่า ‘รายการระงับ’ ซึ่งเป็นรายการที่ระงับผู้ติดต่อที่ยกเลิกการสมัครรับอีเมลไปแล้วโดยอัปเดตอัตโนมัติ แต่คุณสามารถสร้างการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อและย้ายผู้ติดต่อที่ยกเลิกสมัครรับอีเมลและไม่ได้สมัครรับอีเมลด้วยวิธีนี้

แทนที่ด้วยการที่ Omnisend จะตั้งค่าสถานะตรง ช่องสถานะของผู้ติดต่อโดยใช้ระบบสัญญาณไฟจราจร – แสดงสีเขียวหากพวกเขาสมัครรับอีเมลแคมเปญการตลาด สีเหลืองหากพวกเขา ไม่ได้สมัครซึ่งรวมถึงลูกค้าอีคอมเมิร์ซที่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าเลือกที่จะรับเอกสารทางการตลาดจากคุณ และสีแดงหากพวกเขาเลือกที่จะยกเลิกการสมัครหรือตั้งค่าสถานะอีเมลของคุณว่าเป็นสแปม

อาจจำเป็นต้องตรวจสอบกับฝ่ายช่วยเหลือในเรื่องนี้อีกที แต่ทางบริการ Omnisend บล็อกแคมเปญของคุณโดยอัตโนมัติไม่ให้ส่งถึงใครเลย ยกเว้นผู้ติดต่อสีเขียว

แลนดิ้งเพจและฟอร์มกรอกข้อมูลต่างๆ

‘หน้าแลนดิ้งเพจ’ คือหน้าเว็บที่สร้างขึ้นสำหรับแคมเปญการตลาดเพื่อเป็นปลายทางสำหรับลูกค้าและ ‘เป็นจุดหมาย’ เมื่อพวกเขาคลิกลิงก์ผ่านจากอีเมล ผ่านโฆษณา PPC ผ่านโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่นๆ

น่าเสียดายที่หน้าแลนดิ้งนั้นหาได้ไม่ง่ายนักใน Omnisend ปรากฎว่าหน้าแลนดิ้งเพจนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวเลือกฟอร์มกรอกข้อมูลจริงๆด้วย

หากคุณกำลังจัดโปรโมชั่นพิเศษเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณ เป็นเรื่องปกติที่จะสร้างหน้าแลนดิ้งเพจเฉพาะสำหรับแต่ละแคมเปญ ซึ่งผู้ติดต่อจะคลิกลิงก์ผ่านมายังหน้าแลนดิ้งเพจเมื่อพวกเขาได้รับอีเมลของคุณ

ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้โปรโมชั่นพิเศษที่ผู้เยี่ยมชมไซต์ปกติของคุณไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ติดตาม Conversion สำหรับแคมเปญของคุณได้ง่ายขึ้น (เช่น ติดตามจำนวนยอดขายที่มาจากหน้าแลนดิ้งเพจนั้นๆ)

อย่างไรก็ตาม แอบรู้สึกผิดหวังที่พบว่าตัวเลือกหน้าแลนดิ้งเพจใน Omnisend ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆที่เล่าให้ฟังนี้ได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางบริการพลาดประเด็นนี้อย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Omnisend เชื่อมต่อโดยตรงกับร้านค้าของคุณโดยค่าเริ่มต้น และมีเครื่องมือสำหรับการนำเข้ารายการสินค้าโดยตรงไปยังแคมเปญอีเมล

มันก็ควรที่จะมีหน้าแลนดิ้งของสินค้าแบบแยกใครของมันเพื่อเชื่อมโยงไปยังแคมเปญการขายนั้นหรือเปล่า?

Omnisend landing pages
พบว่าตัวเลือกหน้าแลนดิ้งเพจใน Omnisend นั้นน่าผิดหวัง เพราะสิ่งที่คุณทำได้คือแค่สร้างแบบฟอร์มลงทะเบียนอย่างเดียวเท่านั้น

สำหรับแบบฟอร์มลงทะเบียนจริง คุณมีตัวเลือกป๊อปอัปหรือตัวเลือกแบบฝัง ซึ่งทั้งสองแบบใช้เทมเพลตเดียวกันทั้งหกเทมเพลต เช่นเดียวกัน เทมเพลตต่างๆใช้งานได้ดีกว่าการแสดงผลที่น่าประทับใจ โดยมีตัวเลือกการปรับแต่งที่ค่อนข้างจำกัด

ระบบการทำงานอัตโนมัติ

บอกตามตรงเลยว่า หากการทำการตลาดผ่านอีเมลได้ผลสำหรับธุรกิจของคุณ คุณต้องการให้จำนวนรายชื่อผู้ติดต่อของคุณเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากเมื่อเป็นเช่นนั้น คุณอาจพบว่าคุณไม่มีเวลาทำทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว นั่นคือสิ่งที่ระบบทำงานอัตโนมัติเข้ามาช่วย

การทำการตลาดผ่านอีเมลอัตโนมัติช่วยให้คุณตั้งค่าให้การส่งอีเมลโดยอัตโนมัติไปยังผู้ติดต่อเมื่อมีพฤติกรรมบางอย่างเกิดขึ้น ลองนึกถึงอีเมลต้อนรับสำหรับสมาชิกใหม่ทั้งหมด น่าลำบากใจที่จะต้องคอยส่งอีเมลหาทีละคน! ระบบอัตโนมัติจึงทำงานให้คุณแทน

น่าประทับใจกับตัวเลือกการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend ซึ่งการอ่านคำว่า “การสร้างเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติ” อาจทำให้คุณรู้สึกหดหู่ใจ ไม่ต้องกังวลไปเลย เพราะมันทำได้ง่ายกว่าที่คิดมาก

เช่นเดียวกับบริการทำการตลาดผ่านอีเมลชั้นนำมากมายในปัจจุบัน ระบบทำงานอัตโนมัติของ Omnisend ได้รับการจัดการจากตัวแก้ไขเวิร์กโฟลว์แบบรูปภาพ โดยทั่วไปเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติจะทำงานจากการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ – ถ้า X เกิดขึ้นจากนั้น Y จะเกิดขึ้น และหากไม่เป็นเช่นนั้น Z จะเกิดขึ้น

ถ้าฟังแล้วยังดูซับซ้อนเกินไป Omnisend ยังมีเทมเพลตเวิร์กโฟลว์ที่สร้างไว้แล้วล่วงหน้าซึ่งคุณสามารถใช้ได้ตามแบบที่มีหรือปรับแต่งตามที่คุณต้องการได้ ซึ่งทางบริการมีเทมเพลตเวิร์กโฟลว์ทั้งหมด 33 แบบ

Omnisend automation workflow templates
เทมเพลตเวิร์กโฟลว์ถูกจัดระเบียบตามประเภทกิจกรรม แต่ส่วนตัวแล้วก็ชอบที่คุณสามารถค้นหาประเภทต่างๆตามเป้าหมายธุรกิจ

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเกี่ยวกับฟีเจอร์ระบบการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend คือมีให้บริการในทุกแผนราคา แม้กระทั่งแผนใช้งานฟรี สิ่งนี้ทำให้บริการสู้ได้กับ Sendinblue ได้ที่เป็นบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่ขึ้นชื่อในเรื่อง แผนใช้งานฟรีที่ใจกว้าง ให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ที่สำคัญมากมาย

แบบที่คุณคาดหวังได้จากบริการทำการตลาดผ่านอีเมลที่เน้นหนักไปเฉพาะทางอีคอมเมิร์ซ โดยตัวเลือกระบบการทำงานอัตโนมัติของ Omnisend นั้นแข็งแกร่งมากเมื่อพูดถึงสถานการณ์ที่เน้นการขายโดยเฉพาะ

แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่เรียกว่าเวิร์กโฟลว์ ‘อันฟุ่มเฟือย’ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (การต้อนรับสมาชิกใหม่ การส่งข้อความพิเศษถึงพวกเขาในวันเกิด) ส่วนใหญ่แล้วเกี่ยวข้องกับธุรกิจ – ตัวอย่างเช่น การติดต่อผู้คนที่ได้ละทิ้งรถเข็นเพื่อดูว่าคุณสามารถล่อให้พวกเขากลับมาซื้อได้หรือไม่

เวิร์กโฟลว์บางส่วนมีความชาญฉลาดเป็นพิเศษและแสดงความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดทางอีเมลในบริบทของการค้าปลีก

ดังนั้น นอกจากการส่งอีเมลติดตามผลเพื่อพยายามขายอย่างอื่นต่อให้แก่ลูกค้าหลังจากที่ซื้อสินค้าไปแล้ว คุณยังสามารถตั้งค่าระบบทำงานอัตโนมัติสำหรับการทดสอบแยก A/B เพื่อทดลองการหน่วงเวลาที่แตกต่างกันก่อนที่คุณจะล่อขายอย่างต่อเนื่องนั้น – ลูกค้าส่วนใหญ่มักได้ผลหลังจากหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์?

คุณยังสามารถเพิ่มคำแนะนำผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลโดยอ้างอิงจากประวัติการซื้อของพวกเขา

Omnisend automation workflow help
ชอบความจริงที่ว่ามีความช่วยเหลือในหน้านี้มากมายในขณะที่สร้างการทำงานเวิร์กโฟลว์ต่างๆ

แพลตฟอร์มการทำการตลาดผ่านอีเมลบางแพลตฟอร์มให้คุณสามารถจัดการรายการบางส่วนได้โดยอัตโนมัติจากภายในตัวสร้างเวิร์กโฟลว์ เช่น การเปลี่ยนคุณสมบัติผู้ติดต่อ (โดยเฉพาะคะแนนการมีส่วนร่วมที่เปลี่ยนแปลงตามการมีส่วนร่วมกับอีเมล) หรือการใช้/เปลี่ยนการแบ่งกลุ่มผู้ติดต่อ ทางบริการ Omnisend ไม่มีการทำงานเหล่านี้ แต่อนุญาตให้คุณเพิ่มแท็กในรายชื่อผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น หากผู้ติดต่อไม่ตอบสนองเมื่อคุณพยายามให้พวกเขาไปซื้อสินค้าในรถเข็นที่ถูกไว้ คุณสามารถแท็กพวกเขาได้ ซึ่งมีผลเพิ่มรายชื่อของพวกเขาลงในรายการกลุ่มเดียวกัน และคุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างกลุ่มรายชื่อหรับแคมเปญในอนาคต

กระบวนการนี้ไม่ได้ราบรื่นเท่ากับการสร้างการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อโดยอัตโนมัติหรือเปลี่ยนคะแนนการมีส่วนร่วมภายในเวิร์กโฟลว์ ซึ่งก็มีตัวเลือกใช้งานให้อยู่

3.8

ความสามารถในการส่งมอบ

พูดยากในแง่เกี่ยวกับนโยบายต่อต้านสแปมที่ไม่สามารถดำเนินการได้จริง

ความสามารถในการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกบริการทำการตลาดผ่านอีเมล นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด แต่คุณอาจเห็นรีวิวบริการทำการตลาดผ่านอีเมลจำนวนมากที่มีการอ้างตัวเลขเช่น ‘X มีอัตราการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับอยู่ที่ 90%’

อยากให้บอกตามตรงเลยไหม? ว่าอย่าเชื่อตัวเลขเหล่านี้มากเกินไป วิธีการสร้างตัวเลขคือการที่ใครบางคนจะตั้งค่าแคมเปญจำลองไปยังที่อยู่อีเมลของคนที่พวกเขารู้จัก จากนั้นจึงคำนวณจำนวนอีเมลที่เข้าถึงกล่องจดหมายจริงๆ

คงจะดีไม่น้อยถ้าอัตราการส่งอีเมลให้ผู้รับทดลองได้ง่ายขนาดนี้? แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

อัตราความสามารถในการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับเป็นสิ่งที่ลื่นไหลมาก มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วจากแคมเปญหนึ่งไปอีกแคมเปญหนึ่ง อาศัยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถ้าทำการตั้งค่าสถานะอีเมลของคุณว่าเป็นสแปม และทันใดนั้น สิ่งที่เรียกว่า “ชื่อเสียงผู้ส่ง” ของคุณก็จะตกอันดับไป

บางทีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ อัตราการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับของแต่ละแคมเปญอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่งก็กำหนดจากสิ่งที่คุณทำ เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณควบคุมการเพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมในกล่องจดหมายได้

แล้วทาง Website Planet จะประเมินความสามารถในการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับได้อย่างไร? มีบางสิ่งที่บริการทำการตลาดผ่านอีเมลสามารถทำได้เพื่อช่วยปรับปรุงอัตราการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับของคุณและไม่ถูกตั้งค่าสถานะว่าเป็นสแปมบ่อยเกินไป

หนึ่งในสิ่งเหล่านี้คือการมีสิ่งที่เรียกว่าการรับรองความถูกต้องของโดเมน นี่เป็นวิธีการบอกผู้ให้บริการอีเมลว่าอีเมลของคุณนั้นถูกต้อง โดยทาง Omnisend มีการตรวจสอบสิทธิ์โดเมนสองประเภท ได้แก่ DKIM และ SPF สำหรับทั้งสองอย่าง คุณต้องเพิ่มโดเมนอินเทอร์เน็ตในอีเมลของคุณ แต่สิ่งนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาสำหรับผู้ใช้ Omnisend เนื่องจากยังไงคุณจะมีโดเมนสำหรับร้านค้าออนไลน์ของคุณอยู่แล้ว

ซึ่งการตรวจสอบสิทธิ์ DKIM และ SPF จะรวมอยู่ใน แผนราคาโปร แต่สามารถซื้อได้ด้วยค่าธรรมเนียมแบบจ่ายครั้งเดียวเกือบ 3,000 บาทสำหรับแผนราคาอื่นๆ ทั้งหมด มีเทคนิคบางอย่างที่จำเป็นในการตั้งค่า เนื่องจากคุณต้องเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า ‘ลายเซ็นโดเมน’ ลงในระบบชื่อโดเมน (DNS) ของคุณเมื่อ Omnisend ตรวจสอบสิทธิ์ แต่ Omnisend จะช่วยขั้นตอนการตรวจสอบทั้งหมดนี้กับคุณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่คุณเปิดร้านอยู่

Omnisend ยังค่อนข้างเข้มงวดกับผู้ใช้ที่ส่งสแปมอีกด้วย เน้นย้ำหลายครั้งในคลังข้อมูลว่าทางบริการเป็นบริการ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้รับอย่างเคร่งครัด – ผู้ติดต่อของคุณจะต้องเลือกรับอีเมลของคุณเท่านั้น

Omnisend คอยตรวจสอบวิธีการอัปโหลดรายการ และหากสงสัยว่ารายการเหล่านั้นซื้อมา โปรแกรมจะขอให้คุณลบรายการทั้งหมดหรือผู้ติดต่อทั้งหมดที่ไม่ได้สมัครรับข่าวสารของคุณ เช่นเดียวกัน Omnisend ไม่อนุญาตให้ทำการตลาดแบบ Affiliate หรือส่งเสริมแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ของคุณเอง

Omnisend เข้มงวดมากกับประเด็นเหล่านี้ ทางบริการดำเนินการตรวจสอบบัญชีใหม่ หรือหากคุณไม่ได้ส่งแคมเปญมาระยะหนึ่งแล้ว และมีรายงานจำนวนนึงในการตีกลับและการถูกรายงานว่าเป็นสแปม หากอีเมลของคุณถูกตีกลับมากกว่า 4% หรือมากกว่า 0.1% ถูกรายงานว่าเป็นสแปม Omnisend ขอสงวนสิทธิ์ในการระงับบัญชีของคุณ

นี่เป็นข่าวดีสำหรับอัตราการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับของคุณ หากมีการส่งจดหมายขยะมาก การตีกลับเยอะ และการถูกรายงานว่าเป็นอีเมลสแปมจำนวนมากเกินไปจากเซิร์ฟเวอร์ของบริการทำการตลาดผ่านอีเมล อีเมลเหล่านั้นจะได้รับชื่อเสียงที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลต่ออัตราความสามารถในการส่งอีเมลให้ถึงผู้รับสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ที่ส่งสแปมเท่านั้น

ส่วนตัวต้องการทดสอบความเข้มงวดเกี่ยวกับการส่งสแปมนี้ของบริการ Omnisend ดังนั้นจึงตัดสินใจลองอัปโหลดรายการที่อยู่อีเมลที่สร้างขึ้นมาเอง

Omnisend spam email address upload and response
Omnisend อนุมัติ 198 จาก 199 ที่อยู่อีเมลที่สร้างขึ้นสำหรับการอัปโหลดไปยังบัญชี

เป็นเรื่องน่าผิดหวังกับคำพูดที่ว่าทาง Omnisend เข้มงวดมากๆเกี่ยวกับสแปม แต่บริการก็ไม่ได้ทำการบล็อกทุกรายการสแปมที่อัปโหลดลงในแพลตฟอร์มซึ่ง บริการของคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง GetResponse ผ่านการทดสอบนี้ ทั้งหมดที่ต้องทำคือปล่อยให้ช่องกาเครื่องหมาย ‘สมัครรับข้อมูล’ ติ๊กว่าผ่าน และอนุญาตให้อัปโหลดผู้ติดต่อปลอมเกือบทั้งหมด

แน่นอนว่า หากลองพยายามส่งแคมเปญไปที่รายการนี้ บัญชีอาจถูกระงับตามจำนวนการตีกลับที่เกิดขึ้น แต่ความเสียหายที่เกิดกับผู้ใช้รายอื่นในบริการได้เกิดขึ้นไปแล้ว – การตีกลับทั้งหมดจะถูกกาหัวไว้ว่าส่งผลต่อชื่อเสียงของ Omnisend

4.7

การวิเคราะห์และการรายงาน

การวิเคราะห์ผลขั้นสูงเน้นหนักอย่างมากต่อการขายและคอนเวอร์ชั่น

ตัวเลือกการวิเคราะห์ผลและการรายงานผลของ Omnisend เป็นจุดที่คุณมองว่าสำคัญมากที่สุด แม้ว่าบริการทำการตลาดผ่านอีเมลจะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แต่ Omnisend ถือว่าการตลาดผ่านอีเมลเป็นวิธีหนึ่งในการบรรลุสิ่งที่ใหญ่กว่า นั่นก็คือการเพิ่มยอดขายบนหน้าร้านค้าเว็บของคุณ

แน่นอนว่ากราฟ ตาราง และสถิติต่างๆ ที่นำเสนอบนแดชบอร์ดหลักนั้นเป็นจุดสำคัญที่ต้องใส่ใจ

Omnisend analytics dashboard
ภาพรวมแดชบอร์ดบอกคุณมากมายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ของ Omnisend ว่ามุ่งเน้นเรื่องใดบ้าง – ทำให้เห็นว่าทางบริการมอบสิ่งใดให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

นอกจากภาพรวมหลักแล้ว ยังมีอีกหกแท็บบนแดชบอร์ดที่มีรายงานต่างๆ อย่าง Live View จะแสดงให้คุณเห็นว่าแคมเปญและกิจกรรมอื่นๆ ของคุณมีส่วนทำให้เกิดประสิทธิภาพในการขายแบบเรียลไทม์ได้อย่างไร ในขณะที่ Funnels แบ่งผู้ติดต่อออกเป็น ‘ลำดับ’ ตามระดับการโต้ตอบของพวกเขาผ่านแคมเปญใดแคมเปญหนึ่งของคุณ – ว่าพวกเขาคลิกลิงก์และซื้อของ หรือไม่สนอะไรใดๆ และอื่นๆ

นี่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดผ่านโลกออนไลน์ที่ซับซ้อน ซึ่งจะบอกคุณทุกอย่าง ไม่เพียงแค่ว่าใครที่มีส่วนร่วมกับอีเมลของคุณ แต่ใครกันแน่ที่ซื้อของจากร้านค้าของคุณจริงๆ

การรายงานการซื้อสินค้านี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลายซึ่งจะเน้นหนักไปที่ว่าผลิตภัณฑ์ใดและหน้าผลิตภัณฑ์ใดที่มีการเข้าชมและซื้อบ่อยที่สุด (และน้อยที่สุด) อันเป็นผลมาจากแคมเปญของคุณ

แท็บการลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อเรื่อยๆจะให้ข้อมูลระดับบนสุด (เช่น อัตราลูกค้าที่กลับมาและอะไรที่ลูกค้าทำแล้วทำให้ร้านมียอดขาย) และยังให้การวิเคราะห์ในเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ของคุณที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แคมเปญและพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าให้กลับมาเรื่อยๆ ได้มากที่สุด

Omnisend's reports page layout
การรายงานผลของ Omnisend ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบทำงานอัตโนมัติและแบบฟอร์มการลงทะเบียน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเติบโตของจำนวนรายชื่อผู้ติดต่ออีกครั้ง

สองแท็บสุดท้ายบนแดชบอร์ด สำหรับแคมเปญและเวิร์กโฟลว์ ที่ใช้ได้เฉพาะใน แผนราคาโปร ซึ่งรวมถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น แคมเปญและเวิร์กโฟลว์ใดที่มีผลกระทบมากที่สุดต่อผลกำไรของคุณ การเปรียบเทียบว่าช่องทางการสมัครไหนดีสำหรับอีเมล, SMS, การแจ้งเตือนแบบพุช, ระบบทำงานอัตโนมัติ และอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างล้ำหน้า และบริการ Omnisend มีสิ่งที่คุณอาจเรียกว่าการวิเคราะห์ผลทางการตลาดผ่านอีเมลแบบ “มาตรฐาน” ในแท็บรายงาน ซึ่งไม่ได้อยู่ตรงหน้าและตรงกลางเหมือนกับข้อมูลที่เน้นการขายทั้งหมด

การรายงานส่วนหนึ่งที่น่าประทับใจคือ ‘แผนที่การคลิก’:

Omnisend visual click mapping
การรายงานแผนที่การคลิกด้วยภาพเช่นนี้ทำให้ง่ายต่อการดูตำแหน่งในอีเมลที่คุณได้รับการคลิกมากที่สุด

และเครื่องมือสุดท้ายที่ดึงดูดความสนใจอย่างมากเลยก็คือตัวเลือกในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพแคมเปญของคุณกับค่าเฉลี่ยมาตรฐานของตลาดคู่แข่งของคุณ

Omnisend analytics - campaign comparisons
แม้ว่าคุณจะไม่เคยอ่านการวิเคราะห์ผลแคมเปญอีเมลมาก่อน ฟีเจอร์การเปรียบเทียบจะทำให้คุณมีไอเดียดีๆว่าการวิเคราะห์ผลของคุณทำงานได้ดีหรือไม่
4.8

การสนับสนุน

การให้ความช่วยเหลือทางแชทที่ทำได้ดีกว่าความคาดหวังของทาง Omnisend เอง!

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดผ่านอีเมลที่มีประสบการณ์หรือมือใหม่มากๆ คุณอาจต้องการความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆในบางจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสมัครใช้บริการใหม่

ในขณะที่ลองทำการทดสอบ Omnisend ผู้รีวิวต้องติดต่อทีมช่วยเหลือหลายครั้งทีเดียวเมื่อต้องทำความเข้าใจกับลิงก์ร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่วนตัวแล้วไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

บริการ Omnisend มีไอคอนฝ่ายช่วยเหลือที่มีประโยชน์ที่ด้านล่างซ้ายของทุกหน้า นั่นหมายความว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการความช่วยเหลือ คุณก็เข้าถึงได้โดยง่าย

เพียงแค่คลิกที่ไอคอน หน้าต่างรูปแบบแชทสดก็จะเปิดออก จากคุณคุณก็พร้อมที่จะเลือกตัวเลือกในการส่งข้อความถึงตัวแทนฝ่ายช่วยเหลือได้โดยตรง ติดอย่างนึงที่ตัวเลือกการแชทไม่มีให้บริการในแผนใช้งานฟรี แต่คุณยังสามารถส่งอีเมลถึงทีมช่วยเหลือของทาง Omnisend เพื่อสอบถามข้อมูลที่ต้องการได้

เวลาบอกว่าเป็น ‘รูปแบบแชทสด’ อันที่จริงมันไม่เชิงว่าเป็น ‘แชทสด’ เพราะเมื่อครั้งแรกที่ติดต่อหาฝ่ายช่วยเหลือ (เพื่อถามเกี่ยวกับการจำกัดการส่งอีเมล) มีข้อความแจ้งมาว่าจะได้รับการตอบกลับใน ‘ไม่กี่ชั่วโมง’ อันที่จริงนี่ไม่เรียกว่าเป็นการแชทแบบ ‘แชทสด’ อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อลองส่งคำถามไป ฉันพบว่า Omnisend กำลังก่อความเสียหายให้กับตัวเอง ฉันได้รับคำตอบที่รวดเร็วมากในเวลาเพียงไม่กี่นาที

เมื่อฉันถามคำถามติดตามผลทันที สิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้น และไม่เพียงแต่การตอบสนองจะทันท่วงทีเท่านั้น แต่ยังมีความเกี่ยวข้องและให้ข้อมูลด้วย โดยบอกสิ่งที่ฉันต้องการทราบได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม พอส่งคำถามไป พบว่าทาง Omnisend ผิดคำพูด เพราะได้รับคำตอบที่รวดเร็วมากในเวลาเพียงไม่กี่นาที

และพอลองถามคำถามถัดไป ก็ตอบไวแบบเดิม และไม่เพียงแต่ตอบสนองทันท่วงทีเท่านั้นนะ ข้อมูลที่ให้ก็เกี่ยวกับคำถามที่ถามไปและเป็นประโยชน์มาก โดยบอกสิ่งที่ต้องการทราบได้อย่างชัดเจน

Omnisend live chat support
นี่คือคำอธิบายหนึ่งว่าทำไมถึงได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แม้จะเป็นช่วงทดลองใช้ฟรี เพราะคุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของแผนโปรได้ รวมถึง “การให้ความช่วยเหลือตามลำดับความสำคัญ” นั่นเอง

Omnisend ทำการโฆษณาว่าให้บริการแชทสดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันไม่เว้นวันหยุด ซึ่ง Omnisend ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ดังนั้นตอนส่งคำถามถัดไปนอกเวลาทำการ (19.30 น.) อีกครั้ง แม้ว่าจะได้รับคำเตือนว่าจะใช้เวลาสองสามชั่วโมง แต่ก็ได้รับคำตอบภายในไม่กี่นาที

ในครั้งอื่นๆ พอถามคำถามทางเทคนิคเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์การล้างรายการและการป้องกันสแปม ในตอนแรก ได้รับคำตอบอัตโนมัติจากเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรหรือ ‘บอท’ ซึ่งแนะนำให้อ่านบทความบางบทความในเว็บ ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคำถามที่ถามไป (มีการใช้ AI แปลความหมายบ้าง)

แต่ภายในไม่กี่นาที ฉันก็ได้รับข้อความตรงจากสมาชิกทีมสนับสนุน อีกครั้งที่การดูแลของพวกเขาเป็นมืออาชีพและให้ความรู้สึกดูแลเอาใจใส่ดี และอีกสิ่งที่ชอบในตรงนี้คือความตรงไปตรงมาของทางบริการ – ซึ่งทางบริการบอกตรงๆเลยว่า Omnisend ไม่มีเครื่องมือทำความสะอาดรายการอัตโนมัติ

4.9

ราคา

ราคาที่แข่งขันได้สำหรับแผนราคาที่ถูกและการเข้าถึงฟีเจอร์หลักที่น่าประทับใจ

โดยรวมแล้ว Omnisend เหมือนว่าจะทำให้การกำหนดราคาง่ายขึ้น แผนการชำระเงินจะคิดตามจำนวนผู้ติดต่อที่คุณมี โดยแผนราคาเริ่มต้นที่ผู้ติดต่อสูงสุด 500 รายและไปจนถึง 199,999 ราย หลังจากนั้น คุณต้องสมัคร ‘การกำหนดราคาเอง’

ที่มีผู้ติดต่อ 200,000 ราย อาจฟังดูเยอะ แต่ควรสังเกตว่าบริการอื่นๆ เช่น Sendinblue ไม่ได้จำกัดว่าคุณสามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อได้มากเพียงใด

สิ่งหนึ่งที่ชอบเกี่ยวกับราคาของ Omnisend มากคือพวกเขาไม่เรียกเก็บเงินจากคุณสำหรับผู้ติดต่อที่ยกเลิกการสมัครรับข้อมูลข่าวสาร มักจะรู้สึกโกงเล็กน้อยเมื่อเจอบริการไหนเที่เรียกเก็บเงินตามจำนวนผู้ติดต่อรวมถึงผู้ติดต่อที่ยกเลิกการสมัครข้อมูลข่าวสารไปแล้ว

ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้ในแผนราคาโปร มีขีดจำกัดของการส่งอีเมลของคุณที่ 15 เท่าของจำนวนผู้ติดต่อที่คุณจ่ายไป แต่ตอนนี้ ไม่มีการจำกัดจำนวนอีเมลที่คุณสามารถส่งได้แล้ว

การคำนวณขีดจำกัดของการส่งอีเมลนี้ยังคงอยู่ในแผนมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ในแผนราคานี้ คุณจะได้รับจำนวนอีเมลที่ส่งออกไปได้ 12 เท่าของจำนวนผู้ติดต่อ สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจจริงๆ คือการคำนวณนี้คำนวณจากจำนวนผู้ติดต่อจริงที่คุณมี ดังนั้น แม้ว่าคุณจะจ่ายเงินสำหรับผู้ติดต่อ 500 ราย (ขั้นต่ำที่คุณสามารถจ่ายได้) หากคุณมีผู้ติดต่อเพียง 100 ราย คุณจะได้รับอีเมล 1,200 ฉบับต่อเดือนเท่านั้น

ส่วนตัวแล้วนี่เป็นข้อด้อยที่ยิ่งใหญ่สำหรับบริการ Omnisend เนื่องจากโดยมากแล้วคุณจะต้องจ่ายเงินมากกว่าในสิ่งที่คุณได้รับ และต้องพูดอีกรอบคือ บริการของคู่แข่งอย่าง ActiveCampaign ส่งอีเมลได้ไม่จำกัดในทุกแผนราคา

นอกเหนือจากนั้น แผนราคามาตรฐานคุ้มค่ามาก จ่ายมากกว่า 500 บาทเพียงเล็กน้อยสำหรับผู้ติดต่อสูงสุด 500 รายหรือจ่ายน้อยกว่า 650 บาทเล็กน้อย สำหรับผู้ติดต่อมากถึง 1,000 รายนั้นก็เป็นตัวเลือกที่สูสีกัน และเมื่อคุณพิจารณาว่าคุณจะสามารถเข้าถึงแคมเปญทุกประเภท (อีเมล SMS และการแจ้งเตือนแบบพุช) ระบบทำงานอัตโนมัติและฟีเจอร์การสร้างรายการ ผู้ใช้ไม่จำกัดในบัญชีเดียวกัน และการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน นับว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก

ข้อเสียเปรียบหลักที่เห็นได้ชัดในแผนราคามาตรฐาน (นอกเหนือจากขีดจำกัดอีเมลที่ส่งได้) คือคุณจะได้รับการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้งานได้สูงสุดครั้งละ 20 กลุ่มเท่านั้น

ในทางกลับกัน แผนราคาโปร ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแพง – ประโยชน์หลักที่คุณจะได้รับจากราคาเริ่มต้นของคุณ (ประมาณ 2,000 บาท/เดือน) คือการส่งอีเมลได้ไม่จำกัด เครดิตฟรีสำหรับแคมเปญ SMS (เช่น ส่ง SMS ฟรี) ตัวเลือกการรายงานขั้นสูง และการแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อมากถึง 200 กลุ่มที่ใช้งานได้ และ ‘การให้ความช่วยเหลือตามลำดับความสำคัญ’

จุดประสงค์ทั้งหมดของ Omnisend คือการใช้การตลาดผ่านอีเมลเพื่อสร้างรายได้ให้กับร้านค้าออนไลน์ของคุณ แต่ไม่เห็นว่าแผนราคาโปรจะสร้างรายได้พิเศษให้กับคุณมากพอเมื่อเทียบกับแผนราคามาตรฐานที่รับประกันว่าคุณจะทำเงินได้มากขึ้นจริง

แล้วคุณจะได้อะไรฟรีๆบ้างล่ะ? อืม แผนใช้งานฟรีของ Omnisend มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างน่าประทับใจ คุณสามารถส่งอีเมลได้เพียง 250 รายชื่อผู้ติดต่อ ต่อเดือน (แม้ว่าคุณจะมีจำนวนรายชื่อมากมายในรายการของคุณได้ไม่จำกัด) และ/หรือส่งอีเมลสูงสุดได้ 500 ฉบับต่อเดือน แต่นอกเหนือจากนั้น คุณจะได้รับฟีเจอร์หลักอื่นๆ ทั้งหมดที่มีในแผนราคามาตรฐาน (และต้องบอกว่าเป็นแผนราคาโปร)

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น จนกว่าคุณจะต้องการเริ่มสื่อสารกับลูกค้าจำนวนมากขึ้น แผนใช้งานฟรีก็เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการทำความเข้าใจว่าการตลาดผ่านอีเมลสามารถทำอะไรให้คุณได้บ้าง

และที่น่าประทับใจพอๆ กันคือ ช่วงทดลองฟรีของ Omnisend ซึ่งให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ระดับมืออาชีพทั้งหมดได้อย่างเต็มที่เป็นเวลา 14 วัน ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือ คุณสามารถส่งอีเมลได้สูงสุด 15,000 ฉบับ โดยสูงสุดไม่เกิน 2,000 ฉบับต่อวัน

คุณไม่จำเป็นต้องมอบรายละเอียดบัตรเครดิตของคุณ และทันทีที่ช่วงทดลองใช้งานสิ้นสุดลง คุณจะเข้าสู่แผนใช้งานฟรีต่อโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่มีความเร่งรีบหรือกดดันให้คุณตัดสินใจว่าต้องการจ่ายหรือไม่

Omnisend รับเฉพาะการชำระเงินผ่านบัตรเท่านั้น โดยยอมรับเฉพาะ Visa, MasterCard และ American Express หากคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้ อาจจะแย่หน่อย และบริการจะไม่มีการคืนเงินหากคุณตัดสินใจที่จะยกเลิกบัญชีของคุณ แต่ Omnisend จะเรียกเก็บเงินล่วงหน้าหนึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้น หากคุณยกเลิก บริการของคุณจะทำงานจนถึงสิ้นเดือนปัจจุบันและการเรียกเก็บเงินสิ้นสุดลง

# จำนวนอีเมลที่ส่งได้ต่อเดือน # จำนวนผู้สมัครรับข้อมูลข่าวสาร # จำนวนรายชื่อผู้ติดต่อ ระบบทำงานอัตโนมัติ การแบ่งกลุ่มรายชื่อผู้ติดต่อ การรายงานผลข้อมูล ราคา
แผนใช้งานฟรี 500 ไม่จำกัด (สามารถส่งได้ 250 รายชื่อต่อเดือน) ไม่จำกัด มี มี มี ฿0
แผนราคามาตรฐาน 6,000 500 ไม่จำกัด มี มี มี $18.00/mo
แผนราคาโปร ไม่จำกัด 500 ไม่จำกัด มี มี มี $59.00/mo

เปรียบเทียบ

Omnisend เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

1ActiveCampaignเปรียบเทียบคะแนนของเรา4.8เปรียบเทียบ
1Sendinblueเปรียบเทียบคะแนนของเรา4.7เปรียบเทียบ
1Omnisendเปรียบเทียบคะแนนของเรา4.6เปรียบเทียบ
1Nipamailเปรียบเทียบคะแนนของเรา3.3เปรียบเทียบ

รีวิว Omnisend: สรุป

โดยรวมแล้วบริการ Omnisend น่าประทับใจมาก แบบมากๆ มีอะไรหลายๆอย่างที่อยากแนะนำให้ใช้ ตั้งแต่คุณภาพ การสร้างแคมเปญที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ และระบบทำงานอัตโนมัติ ไปจนถึงการให้ความช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมและราคาที่น่าดึงดูด

แน่นอนว่าจุดแข็งที่ใหญ่ที่สุดของทาง Omnisend คือวิธีการปรับแต่งเพื่อส่งเสริมร้านค้าออนไลน์ ที่ช่วยดึงข้อมูลการขายและข้อมูลลูกค้าโดยตรงจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณ คุณสามารถขายสินค้าได้โดยตรงจากอีเมลของคุณด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง และมีการวิเคราะห์ผลที่เน้นการขายและกลยุทธ์ทางการตลาดขั้นสูงมากมาย เช่น การแจกแจงการเติบโตของการมีส่วนร่วมของลูกค้า เหนือสิ่งอื่นใด Omnisend ทำให้การทำงานส่วนใหญ่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ ดังนั้นแม้แต่ผู้ใช้มือใหม่ก็สามารถใช้เครื่องมืออันทรงพลังของทางบริการได้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าจุดแข็งของ Omnisend ก็เป็นจุดอ่อนเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในขณะที่การวิเคราะห์ผลเชิงการขายนั้นยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่แคมเปญเน้นไปล้วนๆ นั้นค่อนข้างพื้นฐาน เช่นเดียวกันกับเทมเพลตที่เน้นการแสดงแค่สินค้าและการใช้หน้าแลนดิ้งเพจได้อย่างจำกัด

สรุปแล้ว Omnisend ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

หากคุณเป็นธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กที่กำลังมองหาบริการแบบรอบด้านพร้อมด้วยฟีเจอร์สำหรับอีคอมเมิร์ซที่ดีและราคาที่ไม่แพง อย่างบริการจาก GetResponse และ Sendinblue ก็คุ้มค่าที่จะลองใช้เป็นอีกทางเลือกนึง คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการที่ว่าเหล่านี้และบริการยอดนิยมอื่นๆ ของเราได้ที่นี่

คำถามที่พบบ่อย

จะเชื่อมต่อร้านค้ากับทางบริการ Omnisend ได้อย่างไร?

อย่างแรกเลยคือ  สมัครใช้งาน Omnisend สิ่งแรกที่คุณจะได้รับแจ้งให้ทำคือการเชื่อมต่อร้านค้าของคุณ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการคัดลอกและวาง URL ของร้านค้าลงในช่องให้ระบุ – แล้วทาง Omnisend จะดำเนินการส่วนที่เหลือเอง หากคุณจะเชื่อมต่อ Shopify หรือร้านค้า BigCommerce ผู้ติดต่อ สินค้า และคำสั่งซื้อที่มีอยู่ทั้งหมดของคุณจะถูกอัปโหลดไปยังบัญชี Omnisend ของคุณโดยอัตโนมัติ สำหรับแพลตฟอร์มอื่น คุณต้องนำเข้าข้อมูลด้วยตนเอง

โปรดทราบว่าคุณได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่อร้านค้าได้เพียงร้านเดียวต่อบัญชี Omnisend ดังนั้นหากคุณเปลี่ยนร้านค้าของคุณเป็นบริการอื่น คุณจะต้องสร้างบัญชี Omnisend ใหม่

ฉันจะส่งอีเมลต้อนรับผ่าน Omnisend ได้อย่างไร?

ทำได้ในส่วนระบบทำงานอัตโนมัติของเว็บไซต์ Omnisend มีเทมเพลตเวิร์กโฟลว์จำนนมากมายที่สร้างไว้ล่วงหน้า  ที่ทำให้กระบวนการส่งอีเมลต้อนรับเป็นไปโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีสมาชิกใหม่ลงชื่อสมัครใช้ มีตั้งแต่อีเมลฉบับเดียวไปจนถึงชุดอีเมลสั้นๆ ที่ช่วยให้คุณติดตามอีเมลฉบับแรกด้วยข้อความอื่นๆ ได้

Omnisend ราคาเท่าไหร่?

แผนราคา Omnisend แบบชำระเงินที่ถูกที่สุดคือแผนราคามาตรฐาน ซึ่งเริ่มต้นที่ราคามากกว่า 500 บาทเล็กน้อยสำหรับผู้ติดต่อสูงสุด 500 ราย ส่วนแผนราคาโปร ซึ่งรวมถึงการส่งอีเมลได้ไม่จำกัด เริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาทสำหรับผู้ติดต่อ 500 ราย นอกจากนี้ยังมี แผนใช้งานฟรี ซึ่งให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์หลักทั้งหมดที่มีในแผนมาตรฐาน แต่จำกัดการส่งอีเมลของคุณไว้ที่ 500 ฉบับต่อเดือน ส่งไปยังผู้ติดต่อสูงสุด 250 ราย

Omnisend ดีกว่า Mailchimp ไหม?

หากคุณกำลังมองหาบริการทำการตลาดผ่านอีเมลเพื่อช่วยโปรโมตร้านค้าออนไลน์ของคุณ Omnisend เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า Mailchimp อย่างแน่นอนแม้จะให้ความสำคัญกับอีคอมเมิร์ซในด้านใดด้านหนึ่ง Omnisend ก็มอบมูลค่าที่ดีกว่าด้วยฟีเจอร์ที่หลากหลายกว่าในทุกแผนราคา แม้กระทั่งใน

แผนใช้งานฟรี คุณจะได้รับเทมเพลตอีเมลที่มีคุณภาพ เวิร์กโฟลว์ระบบการทำงานอัตโนมัติที่สร้างไว้ล่วงหน้า การแบ่งส่วนรายการ แบบฟอร์มลงทะเบียน และอื่นๆ ในการปลดล็อกฟีเจอร์ประเภทนี้ใน Mailchimp คุณต้องจ่ายเงินเยอะขึ้นเรื่อยๆ
พอล นิวแฮม พอล นิวแฮม
พอลเป็นบล็อกเกอร์ด้านเทคนิคและธุรกิจที่อยู่ในสหราชอาณาจักร ความสนใจในอาชีพของเขา ได้แก่ การตลาดดิจิทัล การผลิตเนื้อหาและการสื่อสารมวลชนทางธุรกิจ นอกจากแล็ปท็อปของเขาแล้วเขามีชีวิตคู่ที่น่าตื่นเต้นในฐานะพ่อ สามี นักดนตรี กัปตันทีมกีฬา เชฟอาหารมังสาวิรัติ คนสวนและหนอนหนังสือ
รีวิวจากผู้ใช้งาน
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับOmnisend เป็นคนแรกที่ ไทย!
เขียนรีวิว
ตอบกลับรีวิว
ตอบกลับ
เข้าชม Omnisend
reply
th
ผิดพลาด
onclick="trackClickout('event', 'clickout', 'Visit User Reviews', 'omnisend', this, true );"
View 1 reply
ดู %d การตอบกลับ
การแบ่งปันกันในครอบครัวการแบ่งปันผู้ใช้หลายคนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญการสำรองข้อมูลสมาร์ทซิงค์ตัวเลือกสำหรับบุคคลตัวเลือกสำหรับธุรกิจตัวเลือกสำหรับทีมโฟลเดอร์ออฟไลน์ประวัติไฟล์และการกู้คืน
Omnisend อื่น ๆ
ActiveCampaign
คะแนนของเรา
4.8
ทุกแผนราคาที่มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต
อ่านรีวิว
GetResponse
คะแนนของเรา
4.5
ตัวเลือกอันยอดเยี่ยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
อ่านรีวิว
Benchmark
คะแนนของเรา
4.5
เครื่องมือใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับมือใหม่
อ่านรีวิว
Sendinblue
คะแนนของเรา
4.7
แผนราคาไม่แพงสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต
อ่านรีวิว
2561754
การส่งมอบที่ดีที่สุด1image

เปลี่ยนเป้าหมายของคุณให้เป็นยอดขาย

ตัวเลือกเทมเพลตอีเมลหลายร้อยแบบ เพื่อการสร้างแคมเปญที่มีประสิทธิภาพ