เนื้อหาในบทความ
Elementor คืออะไร![Elementor homepage]()
Elementor เป็นปลั๊กอิน website builder (เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ) สำหรับ WordPress โดยปลั๊กอินดังกล่าวจะมอบหน้าจออินเตอร์เฟสแบบลากและวางให้กับ WordPress ทำให้ขั้นตอนการทำงานของคุณมีความคล้ายคลึงกันกับเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ยอดนิยมอื่น ๆ เช่น Wix หรือ Squarespace.
ทั้งนี้ คุณสามารถเลือกเทมเพลตที่สร้างไว้สำเร็จ หรือจะสร้างเว็บไซต์เองให้มากไปด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ พร้อมอิลิเมนต์ที่คุณสามารถจัดวางเอาไว้ที่ใดก็ได้ตามต้องการ โดยที่ไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องการเขียนโค้ดแต่อย่างใด
เมื่อคุณติดตั้ง Elementor คุณจะ:- สามารถสร้างหน้าใหม่ หรือเว็บไซต์ใหม่ด้วยสไตล์ เลย์เอาต์ หรือฟังก์ชันที่คุณต้องการใช้งาน คุณจะไม่ถูกจำกัดให้ต้องอยู่กับธีมที่ WordPress มีให้บริการ
- สามารถเก็บธีมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ เพราะ Elementor ใช้ได้กับทุกธีมของ WordPress (ตราบใดที่คุณมี WordPress รุ่น 5.0 หรือรุ่นใหม่กว่านั้น)
- ได้เครื่องมือแก้ไข (ใช้งานง่ายกว่ามาก) มาใช้งานแยกต่างหาก กล่าวคือ คุณจะไม่ต้องใช้งานอินเตอร์เฟสแก้ไขประจำของ WordPress
- ได้แก้ไขเพจ หรือเว็บไซต์ของคุณจากมุมมองผู้เยี่ยมชม นั่นหมายความว่าคุณจะได้เห็นทุกอย่างตามที่ผู้เยี่ยมชมเห็น ทำให้ไม่ต้องคอยบันทึกแบบร่างและออกมาดูตัวอย่างอยู่บ่อยครั้ง
เทมเพลตสำเร็จรูปกว่า 300 แบบ
ในฐานะที่เป็นนักออกแบบเว็บไซต์มืออาชีพ ฉันให้ เทมเพลตของ Elementor ผ่านการอนุมัติ! แม้ว่าคุณจะไม่เก่งเรื่องการออกแบบ ปลั๊กอินนี้จะทำให้การสร้างเว็บไซต์ที่สวยแลดูมืออาชีพเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับคุณ โดยมีเทมเพลตให้เลือกสองแบบ คือ เทมเพลตแบบเต็มหน้า (เรียกว่า “เพจ”) และอิลิเมนต์ที่เป็นปัจเจกแบบเล็กกว่า (เรียกว่า “บล็อก”)การใช้งานเพจ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการเริ่มใช้งาน Elementor คือการใช้เทมเพลตสำเร็จรูป โดย Elementor มีเทมเพลตมากกว่า 150 แบบ โดยมีให้ใช้ฟรีประมาณ 40 แบบ (น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถใช้ตัวกรองหาเทมเพลตฟรีได้ คุณจะต้องเลือกหาดูด้วยตัวเองโดยดูที่ป้ายเล็ก ๆ ที่เขียนว่า “Pro” ตรงมุมของแต่ละเทมเพลต)
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: เทมเพลตของ Elementor จะถูกจัดวางในบอดี้ของหน้าคุณเป็นค่าปริยาย ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถมองเห็นส่วนหัว ส่วนท้าย และแถบด้านข้างของธีมได้ ซึ่งจะแสดงให้เห็นตามธีมและเทมเพลตที่คุณกำลังใช้อยู่ การผสานกันนี้อาจจะแลดูประหลาดได้ในบางกรณี
หากต้องการลบอิลิเมนต์นี้เพื่อเริ่มต้นสร้างเพจจากหน้าว่างเปล่า ให้ไปที่ การตั้งค่า และสลับการตั้งค่าเลย์เอาต์หน้าไปที่ “Elementor Canvas”

การใช้งานบล็อก
นอกจากเทมเพลตแบบเต็มหน้าแล้วนั้น คุณยังสามารถใช้เทมเพลตสำหรับอิลิเมนต์ที่เป็นปัจเจกและขนาดเล็กกว่าที่เรียกว่า “บล็อก” ได้แช่นกัน Elementor มีบล็อกสำเร็จรูปเพื่อใช้เป็นตารางราคา คำรับรอง เลย์เอาต์ “พบกับทีมงาน” พอร์ตโฟลิโอ และอื่น ๆ ให้เลือกกว่า 200 แบบ
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: หากคุณตั้งใจจะนำอิลิเมนต์เดิมจากแต่ละเพจมาใช้ซ้ำ คุณสามารถสร้างเทมเพลตของตัวเองได้:
อีกทั้งคุณยังสามารถส่งออกเทมเพลตเพื่อนำไปใช้กับเว็บไซต์อื่น ๆ ใน WordPress ได้ด้วย คุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์อย่างมากหากคุณสร้างเว็บไซต์ให้แก่ลูกค้า

การลากวิดเจ็ต
วิดเจ็ตมีขนาดเล็กกว่า มีอิลิเมนต์จุกจิกมากกว่า เช่น ข้อความ รูปภาพ หัวข้อ และแผนที่ ซึ่งแตกต่างไปจากบล็อก คุณสามารถลากวิดเจ็ตมาลงที่เพจได้มากตามจำนวนที่ต้องการ
การใช้ตัวแก้ไขแบบลากและวาง
เมื่อคุณได้เลือกเทมเพลตและเพิ่มบล็อกเนื้อหาพร้อมวิดเจ็ตตามต้องการแล้ว คุณสามารถใช้ตัวแก้ไขเพื่อคลิกเข้าไปทำการแก้ไขในส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เนื่องจาก Elementor เป็นเครื่องมือชนิดที่เรียกว่า สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่มี หรือ WYSIWYG (What You See Is What You Get) คุณจึงไม่จำเป็นต้องคลิกปุ่มดูตัวอย่าง หรือเปลี่ยนโหมดเพื่อดูการแก้ไขของคุณ เพราะคุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขณะที่กำลังสร้างเพจอยู่ แต่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จะไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้นอกเสียจากว่าคุณจะคลิกที่ปุ่มเผยแพร่ เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: โหมดซ่อมบำรุง หากคุณกำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้างหรืออัปเดตเว็บไซต์ โหมดซ่อมบำรุงของ Elementor จะให้คุณสามารถแสดงเพจชั่วคราว และตั้งสถานะรหัส HTTP ที่ถูกต้องให้แก่คุณ โดยคุณสามารถเข้าใช้งานตัวเลือกนี้ได้ที่หน้าแดชบอร์ดของ WordPress

- ตั้งค่า margins และ padding ที่แม่นยำด้วยหน่วยพิกเซลและเปอร์เซ็นต์
- เพิ่มความกว้างแบบกำหนดเองให้กับอิลิเมนต์ต่าง ๆ และตั้งตำแหน่งเพจคงที่
- จัดตำแหน่งวิดเจ็ต ข้อความ หรือรูปภาพภายในคอลัมน์
- ปรับเปลี่ยนความกว้างและระยะห่างระหว่างคอลัมน์
- เพิ่มการเคลื่อนไหวขั้นสูงและ hover เอฟเฟกต์

- เมื่อคุณคลิกขวาที่มุมบนด้านขวาของอิลิเมนต์ คุณจะเห็นความเป็นไปได้ทั้งหมดในการแก้ไข
- คุณสามารถทำซ้ำบล็อกเนื้อหาได้เพียงคลิกเดียว
- หากต้องการเลิกทำ/ทำซ้ำการเปลี่ยนแปลง สามารถกด Ctrl+Z และShift+Ctrl+Z (หรือ Cmd+Z และ Shift+Cmd+Z ในคอมพิวเตอร์ Mac)
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: หากคุณกำลังสร้างเพจที่มีความยาวและซับซ้อนมากในเว็บไซต์ของคุณ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพจที่มีอิลิเมนต์ซ้อนกันหลายชั้น) ก็อาจจะเป็นการยากที่จะค้นหาตำแหน่งที่คุณต้องการแก้ไขได้ หรือแม้แต่การทำความเข้าใจว่าอิลิเมนต์หลายชั้นนั้นวางตัวเข้ากันอย่างไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณสมบัติ Navigator (ตัวนำทาง) จะกลายมาเป็นเพื่อนรักของคุณในทันที เพียงแค่คุณคลิกขวาลงไปที่อิลิเมนต์ใด ๆ แล้วเลือกตัวนำทางนี้ มันจะช่วยหาตำแหน่งอิลิเมนต์ที่คุณเพิ่งจะคลิกลงไปภายในเนื้อหาของเว็บไซต์ทั้งหมด พร้อมดึงแถบแก้ไขออกมาให้คุณ

ทำการเปลี่ยนแปลงเว็บไซต์มุมมองโทรศัพท์มือถือของคุณ
ในขณะที่เทมเพลตทั้งหมดของ Elementor นั้นตอบรับมุมมองทางโทรศัพท์มือถือได้โดยค่าปริยาย คุณจะยังสามารถควบคุมการออกแบบ Elementor ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คุณสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์มุมมองทางสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของเว็บไซต์คุณได้แบบละเอียดด้วยคุณสมบัติ Mobile Editing (การแก้ไขมุมมองโทรศัพท์มือถือ) คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเพื่อแสดงอิลิเมนต์ที่ซ่อนเอาไว้ เปลี่ยนลำดับคอลัมน์และการตั้งค่าต่าง ๆ พร้อมปรับ margin ได้ตามขนาดของหน้าจอ คุณยังสามารถตั้งขนาดฟอนต์ที่แตกต่างกันไปสำหรับอุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าข้อความจะมีขนาดที่อ่านง่ายอยู่เสมอ
เคล็ดลับระดับมืออาชีพ: คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในตัวแก้ไขมุมมองโทรศัพท์มือถือเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงในเว็บไซต์รุ่นสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของคุณ คุณสามารถคลิกที่แท็บที่มีเนื้อหาขั้นสูงของอิลิเมนต์ใดก็ได้เพื่อซ่อน หรือแสดงความแตกต่างของอิลิเมนต์นั้น ๆ ในแต่ละมุมมอง

การสร้างเพจที่ไร้ความกดดัน: ประวัติเวอร์ชั่น
ในบางครั้งการเลิกทำสองสามรายการนั้นไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาหายนะในการออกแบบได้ ไม่เป็นไรนะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ แม้แต่กับนักออกแบบที่เก่งกาจ! ตรงนี้เองที่แผงประวัติการแก้ไขจะมาช่วยชีวิตคุณ คุณสามารถเข้าดูการเปลี่ยนแปลงแต่ละรายการได้ภายใต้แท็บ “การกระทำ” หรือดูทั้งเวอร์ชั่นของเพจที่บันทึกเอาไว้ในแท็บ ”การแก้ไข” ได้ที่แผงประวัติการแก้ไขนี้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ เพียงแค่คลิกปุ่ม “ย้อนกลับ” เพื่อกู้คืนเวอร์ชั่นก่อนหน้าของเพจคุณกลับมาง่าย ๆ แค่นี้เอง
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ: ข้อด้อยของ Elementor
จนถึงตอนนี้คุณคงจะดูออกแล้วว่าฉันชอบใช้ Elementor มาก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงมีปัญหาสองสามประการที่คุณจะต้องตระหนักไว้ดังนี้- คุณสามารถทำการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเพจเกือบเรียกได้ว่าไม่จำกัด แต่คุณจะไม่สามารถติดตั้งสไตล์สากล (side-wide) หลายแบบได้หากไม่ซื้อแผนบริการแบบพรีเมี่ยม
- ถึงปลั๊กอินจะดูทำงานรวดเร็วและเยี่ยมยอดอย่างนี้ แต่ตัวแก้ไขอาจจะทำงานติดขัดเป็นครั้งคราว หากระบบค้าง คุณจะต้องทำการรีเฟรชครั้งใหญ่ หรือออกจากหน้านั้นแล้วเข้าไปยังตัวแก้ไขใหม่
Elementor เวอร์ชั่นฟรี vs. เวอร์ชั่น Pro (สำหรับมือโปร): แบบไหนเหมาะสำหรับคุณที่สุด![Elementor Pro plans]()
สิ่งที่คุณจะได้รับจากแผนบริการแบบฟรี
Elementor โดดเด่นทางด้านแผนการใช้งานฟรีที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ สำหรับเว็บไซต์ส่วนตัวและแม้แต่เว็บไซต์ธุรกิจต่าง ๆ แผนบริการแบบฟรีถือว่าเพียงพอแล้ว คุณจะสามารถสร้างเว็บไซต์และเพจแบบกำหนดเองด้วยฟังก์ชันพื้นฐานทั้งหมดได้ และสามารถใช้ฟีเจอร์การออกแบบสวย ๆ ได้เกือบทั้งหมด เวอร์ชั่นฟรีของ Elementor จะประกอบด้วย- การใช้งานแพลตฟอร์มสร้างเว็บเต็มรูปแบบ รวมถึง การดีไซน์แบบไลฟ์ การแก้ไขมุมมองอุปกรณ์เคลื่อนที่ ประวัติเวอร์ชั่น เป็นต้น
- วิดเจ็ตมากกว่า 30 แบบสำหรับรูปภาพ กล่องข้อความ แผนที่ ไฟล์เสียง และอื่น ๆ
- เทมเพลตเพจมากกว่า 40 แบบ (รวมรูปภาพสต็อกฟรีของ royalty)
- เทมเพลตบล็อกมากกว่า 100 แบบสำหรับหัวข้อ คำถามที่พบบ่อย ฟีเจอร์ คำรับรอง “พบกับทีมงาน” และอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณจะได้อะไรหากใช้แผนแบบชำระค่าบริการ
Elementor Pro มีแผนบริการแบบเสียค่าบริการให้เลือกสามแบบ ความแตกต่างเดียวที่แผน Personal แผน Plus และแผน Expert มีคือจำนวนเว็บไซต์ที่คุณจะได้ใบอนุญาต คุณสมบัติบางประการที่น่าสนใจของ Elementor Pro มีดังต่อไปนี้- เทมเพลตพรีเมียมกว่า 300 แบบ
- เทมเพลตบล็อกพรีเมียมกว่า 100 แบบ
- วิดเจ็ตที่ใช้งานได้ทั่วทั้งเว็บไซต์ – คุณสามารถใช้งานวิดเจ็ตอันเดียวกันได้หลายเพจในเว็บไซต์ของคุณ หากคุณต้องทำการเปลี่ยนแปลงในวิดเจ็ต คุณสามารถแก้ไขเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะอัปเดตให้กับทุกเพจโดยอัตโนมัติ
- Theme Builder (ตัวช่วยในการสร้างธีม) ของ Elementor –คุณสามารถสร้างธีมของตัวเองได้โดยใช้เทมเพลตของ Elementor เพื่อสร้างส่วนท้าย ส่วนหัว และอื่น ๆ
- ตัวช่วยสร้างเว็บไซต์ WooCommerce – ให้คุณสามารถเพิ่มร้านค้าออนไลน์ด้วย 18 วิดเจ็ตจาก WooCommerce
- ตัวช่วยสร้างเว็บแบบ Front-end (มุมมองหน้าเว็บไซต์) และแบบป็อปอัป รวมถึงการผสานเข้ากับ MailChimp.
- เข้าถึงรหัส CSS ของเว็บไซต์คุณ
- ฝายสนับสนุนลูกค้าแบบพรีเมี่ยมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง – คุณจะได้รับการช่วยเหลือเป็นอันดับแรกสำหรับตั๋วขอความช่วยเหลือ และคุณสามารถให้ตัวแทนจาก Elementor เข้าระบบไปในแดชบอร์ดของคุณเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ได้